ปัญหาของคล็อปป์ – หลังหงส์แดงแพ้แมนซิตี้ 5-0

ปัญหาของคล็อปป์ – หลังหงส์แดงแพ้แมนฯ ซิตี้ 5-0

…………………………………………………………..

#น้อยคนที่คิดว่าสกอร์จะขาดลอยขนาดนั้น …

หลายฝ่ายยังคิดจะบุกชนะเลยด้วยซ้ำ … ด้วยความที่ภาพ “จอมล้มทีมใหญ่” ยังคงฝังอยู่ในความทรงจำ

ประกอบกับก่อนหน้านี้ สถิติค่อนข้างจะ “ข่ม” อยู่หลายช่วงตัว นับตั้งแต่กุนซือมากแพสชั่นอย่างเขาสืบเท้าเข้ามาคุมทีม

คำถามเกิดครับ … ว่าสุดท้าย ลิเวอร์พูล แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขาดด้วยสกอร์ถึง 0-5 เพราะอะไร …

แพ้ตรงที่การวางแผนของตัวเอง … แพ้ตรงที่การวางแผนของฝั่งตรงข้าม … หรือแพ้เพราะเกิดจุดเปลี่ยนสำคัญขึ้นระหว่างเกม

หากกาข้อสอบ … คำตอบที่ได้คะแนนคงเป็น “ถูกทุกข้อ”

จากการเป็นจอมล้มทีมใหญ่ … ทำให้ขณะนี้บรรดากุนซือยอดหัวกะทิในพรีเมียร์ลีกค่อนข้างจะ “เน้น” เป็นพิเศษครับ กับการเจอกับลิเวอร์พูล … พวกเขารู้สึกท้าทายที่จะได้สู้กับเกม เกเก้นเพรสซิ่ง และโต้กลับเร็วเฉียบพลันของ เจอร์เก้น คล็อปป์

รูปแบบการเล่นของ “หงส์แดง” คือการบีบเพรสซิ่งคู่แข่งให้เสียบอลในแดนบน … พยายามกดดันให้คู่แข่งเสียพื้นที่ในการป้องกันด่านสุดท้าย และเหลือพื้นที่หลังไลน์กองหลังให้เล่นมากที่สุด

โจเซป กวาร์ดิโอล่า ทราบมาดีกับแนวทางนี้อยู่แล้ว … เขาจัดกองหลังสามคนอย่าง นิโคลัส โอตาเมนดี้ , ดานิโล่ และ จอห์น สโตนส์ … ที่ไม่ทำให้เกิดช่องว่างความห่างไกลระหว่าง ผู้รักษาประตู กับแนวกองหลังมากจนเกินไป …หากมีใครพลาดเสียบอล จะมีเพื่อนที่อยู่ใกล้มาคอยซ้อนได้ทันท่วงที …

ส่วนวิงแบ็กสองฝั่งอย่าง แบ็งฌาแม็ง เมนดี้ กับ ไคล์ วอล์คเกอร์ ชอบเกมบุกก็จริง แต่พวกเขาคือตัวรับอาชีพ … ฉะนั้นแม้จะใช้แรงเยอะหน่อย แต่ซิตี้พร้อมขยับมาเล่นเกมรับ 5 คนอย่างรวดเร็วเพื่ออุดจุดอ่อนด้านข้าง…พวกเขารู้อยู่แล้วว่า ลิเวอร์พูล ต้องใช้ความเร็วของปีกสองข้างในการเล่นเกมโต้กลับ …

ข้ามมาที่ฝั่งของ “บอสเจอร์เก้น” กันบ้าง … เขาปรับผู้เล่นตำแหน่งสำคัญคือถอด เดยัน ลอฟเรนออก และส่ง รักนาร์ คลาวาน ยืนเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟคู่กับ โฌแอล มาทิป

แน่นอนเกิดเครื่องหมายคำถามในใจแฟนบอลลิเวอร์พูล … กับการตัดสินใจเลือก แนวรับเอสโตเนีย ลงเล่นในเกมใหญ่ระดับนี้

ลำพังปัญหาแนวรับของ “หงส์แดง” กับคู่ ลอฟ-ทิป ก็ยังแก้ไม่ตก แต่ยิ่งเปลี่ยนเป็น คลาวาน ที่ฤดูกาลที่แล้วลงทีไรเดอะค็อปปวดหัวทุกที … ก็ยิ่งน่าจะเป็นจุดอ่อนให้คู่ต่อสู้ได้เจาะเพิ่มขึ้นไปอีก

อย่างที่เรียนไปครับ … เป๊ป อุดจุดอ่อนของตัวเองด้วยการตุนกองหลังเอาไว้เพื่อรักษาพื้นที่หน้ากรอบเขตโทษของตัวเอง … ส่วนแดนกลาง “หงส์แดง” ที่ชอบเพรสซิ่งวิ่งเข้าใส่อย่างหิวกระหาย … กุนซือชาวสเปนไม่เสียเวลาทะเลาะด้วย … พวกเขาโยนยาวให้สองดาวเตะละตินอย่าง แซร์คิโอ กุน อเกวโร่ และ กาเบรียล เฮซุส ไปจัดการเอาข้างหน้า

จี้เข้าใส่พื้นที่ปัญหาของลิเวอร์พูลคือ สองเซนเตอร์ โดยที่ไม่ผ่าน จุดแข็งคือแผงมิดฟิลด์อย่าง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน , จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุ้ม และ เอมเร่ ชาน

อเกวโร่จะชอบที่สุดกับแผนเกมรุกที่เขามีคู่หูในแดนหน้าครับ … นั่นทำให้มีกองหน้าอีกคนที่ดึงตัวประกบ หักเหความสนใจไปจากตัวเขา ทำให้เขาหาพื้นที่ของตัวเองในการวิ่งไปจบสกอร์ได้ง่ายดายยิ่งขึ้น

และนั่นคือประตูขึ้นนำ 1-0 ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ …

กวาร์ดิโอล่า ชนะตัวเองในด่านแรก … เขาไม่ได้อ้อยอิ่ง เน้นเคาะบอลอืดอาดในแดนกลางเหมือนที่เคยเป็นสมัย ตีกี้ ตาก้า กับบาร์เซโลน่า … แต่ครั้งนี้ เขาเจาะไปที่จุดอ่อนของ ลิเวอร์พูล โดยเฉพาะ

และสถานการณ์จากนั้นยิ่งเข้าทางต่อเมื่อ ซาดิโอ มาเน่ ไปโดนไล่ออก จากการยกเท้าสูงใส่ เอแดร์สัน นายทวารค่าตัวแพงชาวบราซิล

ผมจะขอข้ามไม่พูดถึงจังหวะปัญหานั้นครับ … ไม่ว่าดุลยพินิจของแต่ละคนเป็นอย่างไร … แต่สุดท้ายมันคือใบแดง และมันกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดของเกม

เพราะ “หงส์แดง” ได้สูญเสียอาวุธเก่งของตัวเองคือ #เกมเพรสซิ่ง ไปอย่างหมดสภาพ เมื่อเหลือผู้เล่นในสนามเพียงแค่ 10 คน

พวกเขาเหลือแต่จุดอ่อนสำคัญที่ยังอยู่คือแผงกองหลัง … และผู้เล่นในสนามที่เล่นกันอย่างตื้อตัน … โดยเฉพาะเมื่อตัวสำคัญที่สุดในการโจมตีคู่แข่งอย่าง มาเน่ ออกจากสนามไป … แม้ในขณะนั้นสกอร์จะตามเพียงแค่ลูกเดียว แต่ปัญหาคือ ไร้ไอเดียในการชิงโมเมนตั้มของเกมคืนกลับมา

พักครึ่ง … “บอสเจอร์เก้น” เปลี่ยนแท็กติกด้วยการส่ง อเล็กซ์ อ็อกเหล็ด แชมเบอร์เลน ริมเส้นตัวใหม่จากอาร์เซน่อล ลงมาแก้เกมแทนที่ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์… โดยส่ง “ดิ อ็อกซ์” ไปเป็นกำลังเสริมในแผงแดนกลาง เพื่อช่วงชิงการครองบอลไปจาก ซิตี้ และหวังเซตบอลจากนอกกรอบเขตโทษไปให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ไปหาพื้นที่ว่างข้างหน้าลุ้นทำประตู

เซนส์บอลอดีตดาวเตะ “ปืนใหญ่” พอมีอยู่บ้าง เขาผ่านเกมระดับสูงมาพอสมควร … เพียงแต่ ซิตี้ แข็งแกร่งเกินไปที่เขาจะสร้างความแตกต่างได้

และซิตี้ ก็แข็งแกร่งเกินกว่าที่แนวรับลิเวอร์พูลที่อ่อนยวบชุดนี้จะต้านทานไหว

มีนักเตะสามคนที่แฟน “หงส์แดง” บางคน …. รู้สึกว่าควรต้องมีในเกมเมื่อคืนที่เอติฮัด สเตเดี้ยม

…. หากมี แวร์กิล ฟาน ไดค์ …. นี่คงจะเป็นกองหลังที่ลิเวอร์พูลต้องการ … รูปร่างสูงใหญ่ … ปฏิกริยาว่องไว , สกัดบอลเฉียบคม และ ยืนตำแหน่งประกบคู่ต่อสู้ไม่ผิดพลาด

… หากมี นาธาเนี่ยล ไคลน์ … ซิตี้คงไม่เลือกขึ้นเกมทางริมเส้นฝั่งซ้ายของพวกเขาเองมากขนาดนี้ … เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ เป็นแบ็กที่มีแววฟอร์มฉกาจในอนาคต … แต่ประสบการณ์ของเขายังน้อยเกินไปกับเกมใหญ่แบบนี้ … ที่เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มองว่าเป็น อีกหนึ่งจุดอ่อนของทีม “หงส์แดง”

… และหากมี ฟิลิเป้ คูตินโญ่ … ทีมคงจะมีทางเลือกขึ้น “อีกมาก” ในการเจาะคู่แข่ง… อย่างน้อยที่สุด คือวิสัยทัศน์การวางบอลคิลเลอร์พาสพุ่งเข้าไปหน้าประตูฝั่งตรงข้าม … สถิติชัดเจนครับ ลิเวอร์พูลสร้างสรรค์โอกาสไปทำประตูแมนฯซิตี้ได้แค่ 4 ครั้งเท่านั้นครับ …

4 ครั้ง ตลอดทั้ง 90 นาที มันน้อยเกินไป … และเกมใหญ่แบบนี้ ลิเวอร์พูลยัง “ต้องมี” คูตินโญ่…

จากสามเคสที่ว่ามา … เรื่องของ ไคลน์ ค่อนข้างสุดวิสัยเพราะบาดเจ็บ … และ อเล็กซ์-อาร์โนลด์ เอง ก็ถูกวางตัวไว้เป็นแบ็กขวาเบอร์ 2 ของไคลน์อยู่แล้ว … ปัญหาในพื้นที่นี้ รอ ไคลน์ หายเจ็บ ก็น่าจะปิดจุดอ่อนนี้ได้

แต่การพลาดได้ตัว ฟาน ไดค์ กับเรื่องของคูตินโญ่ ที่ยังเคลียร์ไม่จบ… คือสองบาดแผลตำแหน่งสำคัญที่ คล็อปป์ ทิ้งเอาไว้ และ ณ วันนี้ก็ยังหาวิธีรักษามันไม่ได้

การพลาด VVD … เจอร์เก้น ต้องรออีก 4 เดือน จึงจะสามารถขยับไปที่ตลาดได้อีกครั้ง … ในช่วงครึ่งฤดูกาลแรก … เขายังมีฟุตบอลสามรายการให้ต้องโรเตชั่น ทั้งพรีเมียร์ลีก , ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ คาราบาว คัพ … อย่างน้อยที่สุด ลอฟเรน พอจะจับคู่กับ มาทิปได้ ส่วน โจ โกเมซ อย่างน้อยก็ยังเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า คลาวาน

ส่วนปัญหาของคูตินโญ่ … นี่คือการพิสูจน์กึ๋นการทำทีมของ คล็อปป์ … เพราะผู้จัดการทีม นอกจากจะต้องเก่งเรื่องการวางแท็กติกในสนาม … การบริหารจัดการเรื่องภายในทีม … การใช้ “จิตวิทยา” กับผู้เล่นที่มีปัญหา … เขาต้องผ่านมันไปให้ได้

อย่างน้อย ในเมื่อย้ายทีมไม่ได้ หนีกันไม่พ้น… ก็ต้องจับเข่าคุย ขอเวลาอีก 4 เดือนอย่างต่ำมาร่วมใจกันซักนิด หรือไม่ก็เพื่อโอกาสในการเอาชนะใจ ติเต้ กุนซือทีมชาติบราซิล ไปติดธงเล่นฟุตบอลโลกกลางปีหน้า

ครับ … สองปัญหา … ไม่ได้ ฟาน ไดค์ และ ขายคูตี้ไม่ได้ … ทำให้ขณะนี้ “หงส์แดง” มีปัญหาที่ต้องตามแก้เยอะ ตั้งแต่ผ่านพ้นเดดไลน์ตลาดซื้อขายไปเพียงแค่ 9 วัน …

ความพ่ายแพ้ต่อแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ส่งผลหลายอย่างนะครับ … ความพ่ายแพ้เรื่องแท็กติก … เสียนักเตะคนสำคัญอย่าง มาเน่ ไปแล้วสามเกม … และการหา 11 ผู้เล่นตัวจริงที่ดีที่สุด (ถ้าไม่มีคูตินโญ่) ยังไม่เจอ…

แต่ประเด็นสำคัญที่สุดจากความพ่ายแพ้ครั้งนี้ของ “หงส์แดง” … เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เป็นกุนซือคนแรกที่ “พิฆาต” และหาทางแก้ลำแท็กติกการล้มทีมใหญ่ของลิเวอร์พูลได้อย่างสำเร็จราบคาบ!

เห็นที คล็อปป์ ต้องเปลี่ยนสไตล์การทำทีมของตัวเองบ้างแล้ว … #การถูกคู่แข่งร่วมลีกจับทางได้ ไม่ใช่เรื่องสนุกอีกต่อไปครับ…

dropballs

Be the first to comment

Leave a Reply

Your email address will not be published.


*


This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.