ระบบที่แน่นอน คือสิ่งที่ทีมชาติไทย กำลังตามหา

ระบบที่แน่นอน คือสิ่งที่ทีมชาติไทยกำลังตามหา

นี่คือสิ่งที่เห็นและพอจะนึกออก…

1. แนวรับ …เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว…คือคนที่เข้าบอลเด็ดขาดมาก จังหวะตัดสินใจหวดตูมคือตูม บวกกับการยืนตำแหน่งที่ชัดเจน อ่านจังหวะจุดตกของบอลได้ถูกต้องแทบทุกครั้ง

2.มิดฟิลด์คู่กลางไทยมีการทำงานที่ชัดเจน … ธนบูรณ์ เกษารัตน์จะคอยสกรีนบอลและจ่ายบอลขึ้นหน้าให้แนวรุกเล่นง่าย …ส่วน ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ สวมวิญญาณ box to box พันธุ์แท้เมื่อเชื่อมเกมกับทั้งแบ็กฝั่งขวาอย่าง อดิศร พรหมรักษ์ รวมทั้งแนวรุกด้านหน้าอย่างอดิศักดิ์ ไกรษร และ สรรวัชญ์ เดชมิตร

3.พอเกมรุกเติมขึ้นไป แต่แนวรับมีการยืนรักษาตำแหน่งที่ดีและเป็นระบบด้วย … วันนี้เพิ่งจะเข้าใจราเยวัชว่า การเซ็ตระบบใหม่ในทีมให้เป็นแบบของเขาจริงๆ มันต้องเริ่มที่เกมรับก่อน … ในยุคราเยวัชเราแทบไม่เห็นบอลไทยโดนโต้แล้วหลังหายหมด … พอเซ็ตเกมบุกแล้วจำนวนผู้เล่นที่ขึ้นไปมีไม่มาก ไม่เกิน 4-5 คน (ในกรณีที่ทีมยังไม่เสียเปรียบสกอร์) … แต่แน่นอนว่าผู้เล่นที่ขึ้นไปไม่กี่คน “ต้องเด็ดขาดพอ” ทั้งการวิ่งหาช่อง , หาตำแหน่งยิง และจบสกอร์กันได้อย่างเฉียบคม

ทุกอย่างพิสูจน์ได้แล้วในเกมพบเกาหลีเหนือ…

ครับ ทีนี้ข้อที่ต้องปรับ … เราอาจมองหาความจัดจ้านมากขึ้นในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า ซึ่งในรายการนี้ อดิศักดิ์ ไกรษร ทำได้ดีในระดับหนึ่ง แต่เท่าที่ตามดูมา อดิศักดิ์จะเป็นแนว Poacher หรือโฉบมายิง มากกว่าการเป็นตัวเป้าจริงๆ (Target Man)

สิโรจน์ อาจเหมือนจะเป็นกองหน้าตัวเป้าได้หากมองจากรูปร่าง แต่สิ่งที่เขายังขาดคงเป็นเรื่องการเก็บบอล และพักบอล … ที่สำคัญคือเขาต้องสร้างประโยชน์ให้ทีมได้ในช่วงที่ทีมพับสนามบุกแล้วคู่แข่งตั้งรับ (ส่วนใหญ่สิโรจน์มักแผลงฤทธิ์ในการเล่นจังหวะโต้กลับ… เห็นได้หลายครั้งกับอุบล ยูเอ็มทีช่วงเลกแรก)

 

ส่วนเฉลิมพงษ์เอง ในบทบาทเกมรับเขาทำได้ดี แต่วันนี้หลายครั้งเขาพยายามเซ็ตบอลขึ้นหน้าเอง (กองหลังสมัยใหม่ต้องเซ็ตเกมและวางบอลยาวเป็น) … ดาวเตะจากนครราชสีมา มาสด้า เอฟซีพยายามจะทำหลายครั้ง แต่ส่วนใหญ่ไม่สำเร็จ…

ขณะที่สรรวัชญ์เหมือนจะรนไปในหลายจังหวะ อะไรหลายๆอย่างดูไม่ค่อยเป็นใจ … คือสมองไปครับ แต่ผลมันไม่ออกมาตามที่คิด … แคมป์เป็นนักเตะที่มีจินตนาการสูง … และไทยยังจำเป็นต้องมีนักเตะแบบนี้ในทีม

…. ถ้วยคิงส์ คัพ ทำให้เรามีความสุข … ทัวร์นาเม้นต์นี้ไม่ง่าย เพราะเราได้ก้าวข้ามอุปสรรคทางใจไปหลายอย่าง … หนึ่งเลยคือเราชนะเกาหลีเหนือได้แบบขาดลอย แม้โสมแดงจะมาไม่เต็ม แต่อดีตไม่ว่าจะเป็นชุดไหน เรามักจะแพ้ทางพวกเขาตลอด…

ส่วนการเจอทีมจากยุโรปยังเป็นจุดอ่อนของเรา เรามักจะถึงบอลช้ากว่าพวกเขา 1-2 จังหวะเสมอ … มิพักตันไอเดียในเกมรุกแล้วชอบไปโยนบอมบ์ใส่ … ซึ่งก็แน่นอนครับ หวังผลยาก ด้วยรูปร่างเราที่เสียเปรียบกว่า

แต่ราเยวัชใช้ความฟิตและการเคลื่อนที่ของผู้เล่นให้เป็นประโยชน์ เกมนี้จังหวะเกมเราไม่ช้ากว่าเบลารุส … เหมือนกับที่เขาให้สัมภาษณ์ก่อนเกมว่า “เราต้องใช้พลังมากกว่าเดิมเป็นสองเท่า” ใช่ครับ … พลังของนักเตะไทยมาจริงๆ

…การเซ็ตระบบให้ลงตัวต้องใช้เวลา … ผู้เล่นช้างศึกสามารถทำตามแผนที่วางไว้ได้อย่างแยบยล … อีกทั้งราเยวัชยังมีผู้เล่นที่หายไปจากทีมชุดนี้อย่าง ธีรศิลป์ แดงดา , สารัช อยู่เย็น และ ชนาธิป สรงกระสินธ์ เป็นตัวเลือก…

ไม่ต้องสนว่าคู่แข่งเป็นใคร เราพัฒนาของเราเป็นพอ ซึ่งการพัฒนานั้นต้องทำเสมอ ไม่มีวันไหนในชีวิตที่เราจะเก่งที่สุด ถ้าวันไหนที่เราเก่งที่สุด หมายถึงว่าวันนั้นเราเลิกพัฒนาตัวเองแล้ว

ให้ถ้วย “คิงส์ คัพ” เป็นกำลังใจที่ดีครับ … อุปสรรคข้างหน้ารอเราอยู่อีกเยอะมาก #นี่เพิ่งแค่เริ่มต้นเท่านั้น

Dropballs

 

 

Be the first to comment

Leave a Reply

Your email address will not be published.


*


This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.