บทสรุป การย้ายทีมของลูกากู สโมสรต่อไป คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

เย็นวันพฤหัสบดี มีข่าว แมนฯยูไนเต็ด ตกลงค่าตัว โรเมลู ลูกากู ดาวยิงหมายเลขหนึ่งเบลเจี้ยน ได้แล้วที่ 75 ล้านปอนด์

หลายคนบอกอย่าเพิ่งนิ่งนอนใจ … แต่สื่อใหญ่อย่างบีบีซี อุตส่าห์ลงข่าวทั้งที แปลว่าโอกาสที่ดีลจะเกิดขึ้น ใกล้เคียงกับร้อยเปอร์เซนต์

จากนั้นปอล ป็อกบา เพื่อนร่วมสายเอเยนต์เดียวกัน ร่วมยืนยัน ถ่ายภาพเขากับ ลูกากู ในอิริยาบทต่างๆ ที่ดินแดนอเมริกัน

ทุกอย่างเหมือนจะไปทาง “ปีศาจแดง” อยู่ฝ่ายเดียว รอแค่การตรวจร่างกายและลายเซ็น กระนั้นเหมือนท้ายเรื่องหนังสยองขวัญ … ฝ่ายที่คิดว่า ตายแน่ๆแล้ว กลับมี “ก๊อกสอง” มาอัดใส่อีกคนที่หันหลังให้

เชลซี ที่ก่อนหน้านี้เป็นเต๋งจ๋าที่จะคว้า ลูกากู มาตลอดสองเดือนหลังสุด และคิดว่าน่าจะถูกปาดหน้าไปแล้ว แต่เมื่อคืนมีข่าวว่า พวกเขายื่นข้อเสนออย่างเป็นทางการ 75 ล้านปอนด์เท่ากับแมนฯยูไนเต็ด

ทางแยกเลยเกิดสองทาง … แมนฯยูไนเต็ด หรือ เชลซี

เส้นทางค้าแข้งของลูกากู จะไปต่อที่ลอนดอน หรือแมนเชสเตอร์ อยู่ที่ปัจจัยเหล่านี้

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

 

1.มิโน่ ไรโอล่า

ไรโอล่า ย่อมต้องการให้ ลูกากู ไปร่วมทีม ยูไนเต็ด มากกว่าเชลซี ส่วนหนึ่งเพราะพวกเขาสามารถจูงใจให้ ยูไนเต็ด จ่ายค่าตัวที่สูงกว่าที่เชลซีกำลังจะให้มา

ซึ่งนั่นหมายความว่า เงินส่วนแบ่งที่เขาจะได้ก็ย่อมสูงขึ้นไปด้วย

เมื่อปี 2016 ไรโอล่าได้เงินถึง 41 ล้านปอนด์เพียวๆ จากดีล 89 ล้านปอนด์ของปอล ป็อกบา

บวกกับการที่เขามีนักเตะในความดูแลอยู่ที่ยูไนเต็ดหลายคน ทั้ง เฮนริค มคิทาร์ยาน และ ก่อนหน้านี้ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช นั่นแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันดี ที่เขามีต่อทีม “ปีศาจแดง” และโจเซ่ มูรินโญ่

อีกกระแสข่าวหนึ่งคือเงินส่วนแบ่งให้เอเยนต์ 10 ล้านปอนด์ … ซึ่งยูไนเต็ด ยินดีจะจ่าย แต่เชลซีไม่

แบบนี้ก็ชัดเจนว่า ไรโอล่า ต้องพยายามทำทุกวิถีทาง ให้ลูกากูมาสวมเสื้อยูไนเต็ดให้ได้

เพราะนั่นหมายถึงรายรับที่เข้ากระเป๋าเขาคนเดียวอย่างมหาศาล

แต่หากลูกากูเลือกไปเชลซี นั่นถือเป็นการ “ขัดคำสั่ง” และ “ขัดผลประโยชน์” ต่อไรโอล่าอย่างร้ายแรง

ไรโอล่าคงต้องกระซิบเบาๆ “คิดให้ดีนะ ถ้าไปยูไนเต็ด นายจะได้เยอะแค่ไหน“

หากลูกากูมองเรื่องเงินสำคัญเหมือนกับไรโอล่า เขาจะเลือกย้ายมายูไนเต็ด

 

2.โจเซ่ มูรินโญ่

จริงอยู่ที่ มูรินโญ่ เป็นคนปล่อยตัว ลูกากู ให้กับเอฟเวอร์ตัน ก่อนขายขาดไปเมื่อปี 2014 แต่ทั้งคู่จากกันด้วยดี และ ลูกากูเองก็ยังเคารพในตัวกุนซือชาวโปรตุกีสรายนี้อยู่เสมอ

ลูกากู พยักหน้าเข้าใจ มูรินโญ่ ที่ปล่อยตัวเขาไปในตอนนั้น … และเป็นตัวเขาเองเสียอีก ที่อยากหาทีมใหม่ ที่เขาจะได้ฉายแสงเป็นตัวจริง

วิเคราะห์ในแนวลึก มูรินโญ่ซึ่งชอบกองหน้ารูปร่างสูงใหญ่อยู่แล้ว พึงใจในตัวลูกากูตั้งแต่แรก เพียงแต่ ณ ขณะนั้น ดิเอโก้ คอสต้า คือกองหน้าที่ครบเครื่องและพร้อมกว่า ณ เวลานั้น

อย่างไรเสียดาวเตะทีมชาติสเปน ก็ต้องได้รับโอกาสก่อน … ลูกากู จึงต้องถอยฉากหลบ และย้ายไปเอฟเวอร์ตัน

แต่ไม่ได้หมายความว่า “เดอะ สเปเชี่ยล วัน” จะเลิกล้มความสนใจในตัวอดีตกองหน้าจากอันเดอร์เลชท์ เขายังคงมองดูพัฒนาการของ ลูกากู มาโดยตลอด

“ผมอยากให้พวกคุณไปถามเขาว่า ทำไมตอนนั้นเขาถึงออกจากเชลซี … เขาพัฒนาได้อีกมาก ผมตามดูเขาตลอด และดีใจที่เขาเก่งขึ้น แต่ขณะเดียวกัน เอฟเวอร์ตัน กับ เชลซี ก็เป็นคนละทีม เขาอาจจะใช่สำหรับที่โน่น และไม่ใช่สำหรับเรา“

“ตอนนั้นเขายังไม่พร้อมที่จะไปแย่งตำแหน่งตัวจริงที่เชลซี แต่กับทีมอื่น ผมไม่ทราบ“

“แต่ผมก็ไม่เคยเสียดายที่ปล่อยเขาไป“

 

3. ปอล ป็อกบา และเวลาพักร้อนที่สหรัฐฯ

แน่นอนว่าการไปทริปท้าลมร้อนที่แดนมะกัน เป็นส่วนหนึ่งในแผนการของทั้ง เอ็ด วู้ดเวิร์ด และบอร์ดบริหารแมนฯยูไนเต็ด รวมทั้ง มิโน่ ไรโอล่า ที่อยากให้ ป็อกบา โน้มน้าว ลูกากู ให้มาสวมเสื้อสีแดง มากกว่าสีน้ำเงิน

รูปต่างๆที่ออกไปจากสื่อโซเชี่ยล ทำให้นักข่าวนำไปตีข่าวกันอย่างสนุกสนาน และแน่นอน ไรโอล่า ผู้ปราดเปรื่องเรื่องการตลาดและผลประโยชน์ คงกำชับ ป็อกบา ไว้เรียบร้อยว่าให้คุยยังไงกับ ลูกากู

เวลาพักร้อนกำลังจะสิ้นสุดลง .. ไรโอล่า กับ ป็อกบา ต้องช่วยกันดึงดูด ลูกากู ให้มาร่วมงานด้วยกันให้ได้

เชลซี

1.อยากกลับไปแก้ไขประวัติศาสตร์

คำปรามาสจากหลายฝ่าย … “ลูกากูมาดับกับเชลซี” , “คุณไม่ดีพอสำหรับที่นี่” , “คุณไม่มีความกระหายที่จะเล่นที่สแตมฟอร์ด บริดจ์“

และที่เป็นปมที่สุดสำหรับยอดดาวยิงอย่างเขาคือ … เขายังไม่สามารถยิงประตูในเกมทางการให้กับเชลซีได้เลยแม้แต่ประตูเดียว

ทางเดียวที่จะแก้ปมนี้คือ เลือกย้ายกลับไปเชลซี และฉีกกระดาษหน้าเดิมทิ้งไป เขียนขึ้นมาใหม่ด้วยตัวของเขาเอง

 

 

2.เบลเยียม คอนเนคชั่น

แมนฯยูไนเต็ด มีเพียง มารูอาน เฟลไลนี่ คนเดียว ที่มีเสื้อสายเบลเจี้ยน แต่เชลซีขณะนี้มีทั้ง เอเด็น อาซาร์ , ธิโบลต์ กูร์กตัวส์ , มิชี่ บาทชัวยี่ และตัวรุกดาวรุ่ง ชาร์ลี มูซอนด้า

สาเหตุเดียวที่สื่อรายงานว่า ลึกๆแล้ว ลูกากู อยากย้ายไปเชลซีมากกว่า คงเป็นเพราะ “เลือดข้นกว่าน้ำ” … เขาคงอยากไปหาเพื่อนที่พูดภาษาเดียวกัน และมาจากที่เดียวกัน

ฟีลคงประมาณนักเตะทีมชาติไทยอยากย้ายไปอยู่ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด มากกว่าทีมไหนๆในไทยลีกนั่นล่ะครับ

3.อย่าลืมคดี “จอน โอบี มิเกล“

มาร์ค อ็อกเดน ผู้สื่อข่าวจาก อีเอสพีเอ็น กระทุ้งแฟนบอลถึงเหตุการณ์สำคัญในอดีต … ย้อนไปมองคดีซื้อตัว จอน โอบี มิเกล จากสโมสร ลิน ออสโล เมื่อปี 2005

ทุกอย่างจัดวางพร้อมเพื่อให้ดาวเตะจากไนจีเรียย้ายมาร่วมทีม “ปีศาจแดง” จนมีการแถลงข่าวชูเสื้อกันเรียบร้อย

ทุกอย่างเหมือนจะจบสวย แต่เจ้าตัวกลับเปิดเผยภายหลังว่า เขาถูกกดดันให้เซ็นสัญญากับ แมนฯยูไนเต็ด โดยที่เอเยนต์ ไม่ทราบเรื่อง เพราะแท้จริงแล้วเขาชื่นชอบการทำทีมของ โจเซ่ มูรินโญ่ มากกว่า หลังจากเคยไปฝึกซ้อมกับทีม “สิงห์บลูส์” ที่สนามซ้อมค็อบแฮมมาแล้ว เมื่อ 2 ปีก่อนหน้านั้น

เหตุการณ์นั้นจบลงเมื่อมิเกล พร้อมเอเยนต์อย่าง จอห์น ชิตตู เดินทางลงมาลอนดอนเพื่อแถลงข่าว ยืนยันความต้องการชัดเจนว่า ไม่เต็มใจจะย้ายไปร่วมทีมแมนฯยูฯ และอยากย้ายไปเชลซีมากกว่า

เรื่องราวจบลงที่เชลซีคือผู้ชนะ เพียงแต่ต้องจ่ายค่าเสียหายให้กับทั้ง แมนฯยูไนเต็ด ที่หน้าแตกดังเพล้ง และ ลิน ออสโล ต้นสังกัดเดิมของ มิเกล

**อย่างไรก็ตาม เคสของ มิเกลนั้น #เอเยนต์และตัวนักเตะ ไม่อยากย้ายไปแมนฯยูฯ

สุดท้าย ลูกากู ก็ทำเสียงหัวใจตนเอง เลือกย้ายมาเล่นในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด
ร่วมงานกับกุนซือที่เขารักและเคารพ อย่างโจเซ่ มูรินโญ่
และเริ่มความท้าทายใหม่อีกครั้ง กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

Dropballs