วิเคราะห์เจาะลึกทีมชั้นนำ พรีเมียร์ลีก

#ใครแชมป์ #ใครร่วง!

 

วิเคราะห์สาเหตุที่จะได้แชมป์ (หรือไม่ได้แชมป์) ของทีมชั้นนำพรีเมียร์ลีก ก่อนที่ฤดูกาลจะเปิดค่ำคืนนี้ครับ

ไม่ต้องเกริ่นมากมายแล้วนะครับ จัดกันเลยกับทีมแรก….

1.#แมนเชสเตอร์ ซิตี้

 

– เหตุผลที่จะเป็นแชมป์

 

หลังซีซั่นที่แล้วจบเพียงที่ 3… โจเซ็ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือผู้พุ่งชนความสำเร็จมาตลอดตั้งแต่ทำทีมมา … รู้จักกับคำว่าล้มเหลวเป็นครั้งแรก … แต่แน่นอนบุรุษจากแคว้นคาตาลันคงไม่ยกธงขาวยอมแพ้ … การเสริมทัพทุกตำแหน่งไล่ตั้งแต่ผู้รักษาประตู (เอแดร์ซ่อน) , ฟูลแบ็กถึงสามราย (แบ็งชาแม็ง เมนดี้ , ดานิโล่ , ไคล์ วอล์คเกอร์) และ ตัวรุกเท้าฉมัง (แบร์นาร์โด้ ซิลวา) น่าจะอนุมานได้ว่า ซิตี้ เอาจริงแค่ไหน

 

คุยกันเฉพาะผู้เล่นเก่าๆ … แม้ผลงานจะต่ำกว่ามาตรฐานในปีที่แล้ว แต่ก็ดูจูนเข้ากับทีมได้ดีขึ้นเรื่อยๆ … จอห์น สโตนส์ เริ่มเรียนรู้ระบบการเล่นกองหลังในสไตล์เป๊ป โดยมี แว็งซ็องต์ ก็องปานี กับ นิโคลัส โอตาเมนดี้ คอยขนาบข้าง ส่วนแนวรุก คงคาดหวังว่า แบร์นาร์โด้ ซิลวา น่าจะมาช่วยเกมรุกในสไตล์บอลเร็วให้เฉียบคมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

นี่ยังไม่ได้พูดถึงตัวเก๋าอย่าง ดาบิด ซิลบา , ยาย่า ตูเร่ และ สตาร์อย่าง เควิน เดอ บรอยน์ ที่รับผิดชอบพื้นที่ในแดนกลางกันอยู่แล้ว

 

เพียงแต่ เป๊ป แสดงท่าทีชัดเจนว่าเขาต้องการอัดเกมด้านข้างให้แน่นขึ้น จึงเลือกซื้อแบ็กมาถึง 3 คน … แถมแบ็กในสไตล์เป๊ปต้องเติมเกมรุกให้ดีเป็นจุดเด่นอีกด้วย

 

ทุกอย่างดูแทบจะสมบูรณ์ มองเผินๆ พวกเขามีทีมที่ดีที่สุดในลีก…

 

– เหตุผลที่จะไม่ได้แชมป์

 

อีกหนึ่งพื้นที่ที่ อดีตกุนซือบาเยิร์น มิวนิค ยังไม่ได้เสริมลงไปคือ กองหน้าตัวเป้า … จริงอยู่ แซร์คิโอ้ กุน อเกวโร่ คือพระเอกหมายเลขหนึ่งในทีม แต่ลูกบุญธรรมดิเอโก้ มาราโดน่า ก็เริ่มเผชิญปัญหาอาการบาดเจ็บค่อนข้างบ่อย … หันไปทางอื่นก็มี กาเบรียล เฮซุส ที่เปราะไม่ต่างกัน … ส่วน เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ก็ย้ายไปเลสเตอร์ ซิตี้เสียแล้ว

 

ซิตี้ มีริมเส้นตัวบนอีกหลายคนให้เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็น เลอรอย ซาเน่ , แบร์นาร์โด้ ซิลวา หรือแม้กระทั่ง สเตอร์ลิ่ง แต่ตัวเป้าจบสกอร์ต้องไม่ใช่ วิลเฟรด โบนี่ ที่อาจหมดอนาคตและเป็นตัวที่เป๊ป ไม่คิดจะเลือกใช้แน่นอนอยู่แล้ว

 

“เรือใบสีฟ้า” พัฒนาเสริมทัพมาได้ 90 เปอร์เซนต์ … คงเหลือแต่เพียงซื้อกองหน้าตัวเป้าอีกซักตัว ที่อาจไม่ต้องแพงเว่อร์หรือเก่งเท่า “กุน” แต่ขอให้พึ่งพาได้ในยามที่ดาวเตะหมายเลข 10 บาดเจ็บ

 

ซึ่งถ้าไม่ได้ หรือเป๊ป ไม่เลือกซื้อจริงๆ … เศรษฐีอาหรับจากแมนเชสเตอร์อาจต้องเจอปัญหาขาดแคลนมือปืนในระยะยาว…

2.อาร์เซน่อล

 

– เหตุผลที่จะเป็นแชมป์

 

อาร์แซน เวนเกอร์ ชุ่มชื้นใจหลังสัญญาฉบับใหม่ถูกจรดน้ำหมึกเซ็นไปเรียบร้อย แต่แน่นอนความกดดันก็ต้องโถมใส่เขาอีกเท่าตัว เมื่อเขารู้ดีว่าแฟนๆไม่ได้ชื่นชอบและบูชาเขาเหมือนเมื่อก่อน

 

เสียงสะท้อนจากแฟนบอลบางส่วน “ถ้าเวนเกอร์ยังอยู่ตรูเลิกเชียร์” หรือ “ถ้าไม่เปลี่ยนโค้ชก็ไม่มีทางจะดีขึ้นไปกว่านี้”

 

กุนซือเลือดเฟร้นช์รู้ดีว่าเขาเล่นฟุตบอลเอนเตอร์เทนยิงแหลก แต่หลังบ้านโดนโจรปล้นหมดเนื้อหมดตัวเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้อีก … ปัญหาการขันเกมรับจึงต้องแก้ และนำมาสู่การใช้ปราการหลัง 3 คน

 

เซอัด โคลาซินัช เป็นตัวเลือกที่ใช้ได้ … หนุ่มจากบอสเนียสามารถเล่นได้ทั้งวิงแบ็กและเซ็นเตอร์ตัวชนทางซ้าย … เขาเด่นทั้งทางบอล ,ความแข็งแกร่ง และมีสปีดต้นที่ดีหากต้องรับบทบาทเติมเกมขึ้นไปด้านหน้า

 

อีกหนึ่งผลงานชิ้นโบว์แดงในการเสริมทัพของอาร์แซน เวนเกอร์คือ อเลซ็องดร์ ลาคาแซ็ตต์ … นี่คือกองหน้าที่อันตรายที่สุดคนหนึ่งในฟุตบอลยุโรป … สัณชาตญาณการทำประตูและการพาบอลไปกับตัว … ดาวเตะทีมชาติฝรั่งเศสมีทั้งหมด … ขอเพียงเพื่อนข้างหลังสนับสนุนและป้อนบอลมาให้

 

ซึ่งเพื่อพูดถึงหน่วยหนุนแล้ว ได้ยินชื่อก็หายห่วง กรานิต ชาก้า ได้ชื่อเรื่องการวางบอลไดเร็กต์ , ไหนจะแอร่อน แรมซี่ย์ที่เล่นบ็อกซ์ทูบ็อกซ์ได้ดี … ส่วนนักเตะเวิลด์คลาสคนนี้ขอพูดถึงคนสุดท้าย เมซุต โอซิล … มองแล้วลาคาแซ็ตต์คงหวังบอลจากอดีตดาวเตะชาลเก้ 04 รายนี้มากที่สุด

 

นี่ยังไม่รวมตัวเดิมๆอย่าง โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ , แดนนี่ เวลเบ็ค , อเล็กซ์ อิโวบี้ , ธีโอ วัลค็อตต์อีก … เรียกว่าในแผงเกมรุกอาร์เซน่อล หายห่วง … วิธีไปถึงเส้นชัยไม่ยาก ขอแค่ส่งบอลไปให้ ลาคาแซ็ตต์ , ตัวรุกสร้างโอกาสกันให้บ่อยครั้งที่สุด เพราะแต่ละคนก็จัดจ้านอยู่แล้ว ….

 

และแพ็คเกมรับกันให้แน่นอย่าเสียประตูง่ายเท่านั้น ซึ่งจุดนี้ขอแค่บอกมา ซโครดาน มุสตาฟี่ และ โลร็องต์ กอสเชียลนี่ จัดให้

 

– เหตุผลที่จะไม่ได้แชมป์

 

ครับ … มีชื่อหนึ่งที่ผมยังไม่ได้พูดด้านบน … ซึ่งผมไม่ได้ลืมครับ เขาคือ อเล็กซิส ซานเชซ

 

ดาวเตะทีมชาติชิลียังอนาคตคลุมเครือ … ล่าสุดก็จะไม่ได้ลงเล่นในเกมกับเลสเตอร์เนื่องจากรายงานแจ้งมาว่ามีปัญหาอาการบาดเจ็บที่หน้าท้อง

 

สถานการณ์ของอดีตดาวเตะบาร์เซโลน่าอาจส่งผลต่อบรรยากาศในห้องแต่งตัว … หากย้ายได้ทุกอย่างจบ แต่ถ้าไม่ได้ย้าย นี่อาจเป็นบูมเมอแรงที่ย้อนกลับมาโจมตีใส่อาร์เซน่อลเอง (แต่ก็แน่นอนครับอีกมุม หากอเล็กซิสเคลียร์กับเพื่อนร่วมทีมและเวนเกอร์ได้ ผนึกกำลังกับ ลาคาแซ็ตต์ เกมรุกปืนโตก็จะน่ากลัวยิ่งขึ้นไปอีก)

 

เหตุผลที่สองคือการรักษาสภาพตัวเองให้อยู่รอดปลอดภัยของผู้เล่นอาร์เซน่อล … เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นแทบทุกปีของทีมจากลอนดอนเหนือคืออาการบาดเจ็บของนักเตะคนสำคัญ ส่งผลให้ไปปอแป้ตอน มกราคม-เมษายน แล้วสุดท้ายก็วืดแชมป์ในท้ายที่สุด

 

และเหตุผลสุดท้าย คือความคิดมากของ อาร์แซน เวนเกอร์เองครับ … การจัดตัวที่ค้านสายตาแฟนบอล และทิฐิ ในใจของตัวเขาเอง …

 

ไม่มีใครทราบครับว่า หากเวนเกอร์อำลาไป อาร์เซน่อลจะดีขึ้นหรือไม่… แต่แฟน “ปืนใหญ่” ก็ไม่สามารถจะวางใจและเชื่อใจเขาได้เหมือนกัน ณ วินาทีนี้…

 

 

3.#เชลซี

 

– เหตุผลที่จะเป็นแชมป์

 

อันโตนิโอ คอนเต้ เป็นกุนซือจอมแท็กติก … เขาอิมพอร์ตระบบ 3-4-3 ติดตั้งไปยังผู้เล่นเชลซี และทำให้ถ้วยแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษลอยมาหาเขาอย่างไม่ลำบากยากเย็น

 

เขานำระบบการเล่นหลัง 3 ที่เหนียวแน่นของยูเวนตุสและทีมชาติอิตาลี มาปรับใช้กับฟุตบอลอังกฤษ ซึ่งกลายเป็นของใหม่ที่สมาชิกในลีกยังจับทางไม่ได้

 

อาวุธเด็ดของ “สิงห์บลูส์” ยังอยู่ที่ ริมเส้นตัวบนอย่าง เอเด็น อาซาร์ และ วิลเลี่ยน อีกทั้งยังมี Inside Forward ขั้นเทพอย่าง เปโดร โรดริเกซ คอยสอดแทรกอยู่ด้วย

 

อาวุธใหม่ของเชลซีมีสองรายคือ อัลบาโร่ โมราต้า และ ติเอมูเอ้ บากาโยโก้ … ทั้งสองคนนี้เหมือนดาบสองคม … มาพร้อมกับ “ข้อเสีย” บนฉลาก แต่กลับกันหากใช้เป็น ก็จะกลายเป็นเสริมแรงบวกเป็นสองเท่า

 

โมราต้า เป็นดาวยิงสไตล์หน้าเป้าจบสกอร์ … ขอแค่ทำอย่างไรก็ได้ให้บอลมาถึงเท้า (หรือหัว) ดาวเตะรายนี้พร้อมจะบวกประตูให้ทีมได้ทันที

 

ส่วน บากาโยโก้ คือมิดฟิลด์สมัยใหม่ ที่เล่นได้ทั้งรุกและรับ … คอนเต้เลือกซื้ออดีตมิดฟิลด์โมนาโกรายนี้มา เพราะตอบโจทย์การใช้กลางสองคน ที่ต้องทำหน้าที่ได้หลายอย่าง (Multi Functions) คือได้ทั้งรุกและรับ

 

ในบทบาทเกมรุก มีคนบอกว่าเขาเหมือน ยาย่า ตูเร่ ส่วนเกมรับ … ก็น้องๆ ปาทริก วิเอร่า

 

ไหนจะกองหลังที่ทีมดึงตัว อันโตนิโอ รือดิเกอร์ มาเป็นตัวสแตนด์บายเป็นเซนเตอร์ด้านซ้ายในระบบหลัง 3 อีก … อดีตดาวเตะสตุ๊ทการ์ทเป็นตัวชนที่ดี … และมีโอกาสเบียด แกรี่ เคฮิลล์ กัปตันทีมหลุดเป็นสำรอง … เพื่อมาเข้าคู่กับ ลูกพี่ ดาวิด ลุยซ์ ที่กลับมารอบสอง นิ่งและเล่นบอลมีคลาสขึ้นมาก

 

ตัวใหม่ที่ดึงเข้ามาน่าจะมาสร้างความแตกต่าง และเป็นทีมที่ คอนเต้ อยากได้จริงๆ … ขอแค่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า ทุกคนเข้าใจในแท็กติกของตัวผู้จัดการทีม และนักเตะเค้นศักยภาพที่ดีที่สุดของตัวเองออกมาก็เท่านั้น

 

– เหตุผลที่จะไม่ได้แชมป์

 

ปัญหาของแชมป์เก่า มีค่อนข้างมากจนหลายฝ่ายมองว่าเป็นเรื่องยากที่จะป้องกันแชมป์

..

ตั้งแต่จบซีซั่นที่แล้วก็มีเรื่องราวของ ดิเอโก้ คอสต้า ที่ไม่มองหน้ากับ คอนเต้ เสียแล้ว (และจนถึงบัดนี้ คอสต้า ก็ยังหาสังกัดใหม่ไม่ได้) ต่อด้วยการโดน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตัดหน้าดีล โรเมลู ลูกากู ทำให้พวกเขาต้องหันไปหา อัลบาโร่ โมราต้า อย่างไม่มีทางเลือก … แถมพวกเขาเต็มใจปล่อย เนมานย่า มาติช ตัวตัดเกมชั้นดีไปให้ แมนฯยูฯ อีกตัว แม้จะได้ ติเอมูเอ้ บากาโยโก้ กองกลางพลังม้ามาจากโมนาโก แต่ดาวเตะเลือดเฟร้นช์ก็มีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนติดมา ส่งผลต่อการจูนสไตล์ตัวเองเข้ากับเพื่อนร่วมทีม

 

แน่นอนว่า โมราต้า ยังต้องใช้เวลาปรับตัวเข้ากับสไตล์ของเชลซี เช่นเดียวกับความมั่นใจในการจบสกอร์ ที่ยังเห็นแววตาฉาบความกังวล / ส่วน บากาโยโก้ ยังไม่ต้องพูดถึงเพราะยังลงสนามไม่ได้ / จะมีก็แต่ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ แนวรับเยอรมันจากโรม่า ที่พอจะเป็นที่พึ่งให้กับทีมได้

 

การเสริมทัพของเชลซี ในซัมเมอร์นี้ ไม่ค่อยได้ดั่งใจ คอนเต้ เท่าใดนัก กระทั่งแบ็กซ้ายที่ทีมต้องการตัว อเล็กซ์ ซานโดร จากยูเวนตุส มาเป็นขาลุยสลับกันกับ มาร์กอส อลอนโซ่ ก็เจรจาดีลไม่สำเร็จเสียอีก … สรุปแล้วเชลซีเสียทั้งคอสต้า และ มาติช (และจอห์น เทอร์รี่ ที่แม้จะอายุมากแล้ว แต่ก็เป็นศูนย์รวมกำลังใจของทีมที่อำลาไป) และตัวที่ได้มา ก็ยังไม่มีใครรับประกันว่าจะดีเท่าตัวเก่าหรือไม่

 

ฉะนั้นพูดได้เลยว่าขุมกำลังของเชลซี “ไม่ได้ดีไปกว่า” ฤดูกาลที่แล้ว … และยิ่งพวกเขาเป็นแชมป์เก่า … ความกดดันก็ยิ่งถาโถมมากขึ้นไปอีก

 

4.#แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

– เหตุผลที่จะเป็นแชมป์

 

มีหลากหลายเหตุผลที่แฟนผียกมาเพื่อรักษาความหวังในชีวิต … อย่างสำคัญคือโจเซ่ มูรินโญ่ กุนซือโปรตุกีสคว้าแชมป์ได้กับทุกสังกัดในฤดูกาลที่สองของตัวเอง

 

พวกเขาเสริมทัพเร็วด้วยการดึง วิคตอร์ ลินเดเลิฟ แนวรับสวีเดนมาจากเบนฟิก้า หน่วยก้านดี และเลื่องชื่อด้านการอ่านเกม ในการเล่นเป็นกองหลังตัวรอง … ส่วนดีลที่แฟนผีตื่นเต้นที่สุดคือการไปตัดหน้า เชลซี ดึงตัว ลูกากู จากการชักชวนและดูแลเป็นอย่างดีของ ปอล ป็อกบา และปิดท้าย (แต่ยังไม่ท้ายสุด) ด้วยการดึงเนมานย่า มาติช มาจากเชลซี

 

แม้ช่วงปรีซีซั่น (ต่อเนื่องไปยัง ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ) ลินเดเลิฟ จะยังออกลูกรั่วและรน ไม่นิ่งอย่างที่โฆษณาไว้ แถมทางบอลยังโดนเผาเครื่องมิดแทบทุกเกม … แต่เจ้าตัวก็หวังจะจูนตัวเองกับระบบของปีศาจแดงในเกมลีก … ส่วน ลูกากู ก็ได้เรื่องความใหญ่และทักษะการยิงที่น่ากลัว … ในรายของมาติช นี่คือดีลที่น่าจะดีที่สุดของแมนฯยูฯ ในซัมเมอร์นี้ … สองเกมที่ลงสนาม (พบซามพ์โดเรีย อุ่นเครื่องนัดสุดท้าย) และ ซูเปอร์คัพ … มาติชสอบผ่านฉลุย … การผ่านสนามกับเชลซีทำให้เขาไม่ต้องปรับตัวใดๆเลย

 

ล่าสุดมูรินโญ่ออกมาแย้มๆว่ายังไม่หมด ขออีก 1-2 ดีลก่อนปิดตลาด … แต่ช่วงนี้ข่าวเริ่มมั่วและหว่านแหหลังจากฝันสลายในการคว้าตัวอิวาน เปริซิช … แต่ที่แฟนผีลุ้นกันแบบพ่อยกแม่ยกคือการคัมแบ็กของ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ที่ทุกคนเชียร์ให้กลับมาเซ็นกับทีมอีกครั้ง หลังจากหมดสัญญาแต่ยังฟื้นฟูเอ็นไขว้หัวเข่าอยู่ที่แคร์ริงตัน

 

“ปีศาจแดง” มีขุมกำลังที่น่าพอใจระดับหนึ่ง (ตามหน้ากระดาษ) … แผงแนวรับหาก เอริค ไบยี่ และ ฟิล โจนส์ ลงสนามได้ ทุกอย่างหายห่วง … มัตเตโอ ดาร์เมี่ยน โตขึ้นมาก และพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาพร้อมดูแลพื้นที่แนวรับฝั่งซ้ายไม่ว่าจะยืนเป็นแบ็กหรือเซนเตอร์ / ส่วนแผงมิดฟิลด์ มาติช , ป็อกบา และ เอร์เรร่า ลงตัว … / ในแนวรุกขอเพียงเสริมความมั่นใจให้กับ มาร์คัส แรชฟอร์ด , ลูกากู และ เฮนริค มคิตาร์ยาน โอกาสเก็บสามแต้มเหนือทีมเล็กๆมีสูง

 

ยังคงต้องรอดูว่าสรุปแล้วตัวใหม่ที่ มูรินโญ่ จะได้มาก่อนตลาดปิดคือใคร … แต่ด้วยตัวผู้เล่นที่มี ก็อาจเข้าข้างตัวเองได้ว่า แมนฯยูไนเต็ด มีลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก …

 

ครับ แค่แชมป์พรีเมียร์ลีก แต่สำหรับแชมป์ยุโรป ด้วยศักยภาพผู้เล่นที่มี ขอตอบแบบไม่โลกสวยว่า ยังไม่พอครับ

 

– เหตุผลที่จะไม่ได้แชมป์

 

“ปีศาจแดง” เป็นทีมเต็งแชมป์ตามหน้ากระดาษมาตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่พอเอาเข้าจริงกลับท่าดีทีเหลว … โอเคฟอร์มอาจไม่ได้แย่ถึงแพ้คู่แข่ง … แต่ในเกมที่ตื้อๆ เสมอแบบฝืดๆ ก็ไม่มีก๊อกสองอะไรจะไปเอาชนะคู่แข่งได้

 

ยูไนเต็ดในยุคมูรินโญ่ซีซั่นที่แล้วมีปัญหากับไอเดียเกมรุก … การเคลื่อนเกมดูขาดสปีดและไม่หลากหลาย พอเจาะไม่ได้ก็ใช้มุขส่ง มารูยาน เฟลไลนี่ ลงแล้ววางบอลยาว … ซึ่งจะไปหวังน้ำบ่อหน้าแบบนี้ทุกเกมก็ไม่ไหว

 

ซีซั่นก่อนมีหลายฝ่ายวิเคราะห์ว่าต้องหาตัวตัดเกมดีๆมาซัพพอร์ต ปอล ป็อกบา … ซึ่ง ณ ขณะนี้ ทีมก็ได้มาติชมาแล้ว แถมยังมีเอร์เรร่า คอยวิ่งหาช่องข้างๆ … ดังนั้นความกดดันจะถาโถมใส่อดีตมิดฟิลด์ยูเวนตุสเข้าไปอีก หากปีนี้ฟอร์มยังฝืดเหมือนเดิม ก็โทษใครไม่ได้ … ประเด็นสำคัญของ “เจ้าป็อก” ที่ยังทำให้เขายังไม่ฉายแสง … คือเรื่องการตัดสินใจและความนิ่ง หากผ่านสองอย่างนี้ไปได้ … อดีตดาวรุ่ง เลอ อาฟร์ น่าจะเป็นนักเตะเวิลด์ คลาสอย่างที่ตัวเขาหวังไว้เสียที

 

แต่หากวัดฟอร์มของป็อกบาแค่ตอนนี้ … ก็ยังไม่สม่ำเสมอพอที่จะแบกทีมทั้งฤดูกาลได้

 

ข้ามไปดูเกมรุก… ลูกากูอาจเป็นกองหน้าที่ดี แต่เขาก็ยังมีจุดบอดอยู่ที่การพลิกตัวในพื้นที่แคบ และการจบสกอร์จังหวะสุดท้าย (ที่ต้องยอมรับว่าหากวัดเฉพาะความคม เขายังแพ้เพื่อนคนอื่น) … ส่วน มาร์คัส แรชฟอร์ด และ อ็องโตนี่ มาร์ซียาล ยังขาดความแน่นอนและพึ่งอะไรเป็นชิ้นเป็นอันไม่ได้

 

ส่วนเฮนริค มคิตาร์ยาน ยังไม่ใช่นักเตะพวก Game Changer หรือแบกทีมได้ … เช่นเดียวกับ เจสซี่ ลินการ์ด ที่มีแต่ความวูบวาบแต่ขาดความแน่นอน … จะมีก็แต่ ฆวน มาต้า ที่ส่วนใหญ่ส่งลงมาแล้วมักจะไม่ผิดหวัง

 

แต่ทั้งหมดนี้จะดีพอหรือสำหรับการสู้ศึกทั้ง 38 นัด … หากไม่มีผู้เล่นรายใหม่ที่ดึงศักยภาพเกมรุกของทีมให้สูงกว่านี้ … สุดท้ายปีศาจแดงก็จะเก็บได้แค่ผลเสมอเป็นเบือเช่นเดิม และจบอย่างมากที่สุดเพียงแค่ 1 ใน 4

 

แรชฟอร์ดกำลังโตครับ … แต่เขายังโตไม่พอที่จะแบกทีมได้ … อย่างน้อยก็ไมใช่ตอนนี้

5.#ลิเวอร์พูล

 

– เหตุผลที่จะเป็นแชมป์

 

สื่อทุกแขนงจับต้องกระแสข่าวการย้ายทีมของฟิลิเป้ คูตินโญ่ … ที่ “หงส์แดง” พยายามทุกวิถีทางที่จะรั้งตัวเอาไว้ให้ได้

 

ณ เวลานี้ คูตี้ คือทุกอย่างในเกมรุกของลิเวอร์พูล … เขาคือนักเตะที่พลิกบอลหลบคู่แข่งแบบ 1-1 ได้โดยแทบไม่ต้องเหนื่อย มีทีเด็ดทั้งการจบสกอร์ , การยิงไกล และการจ่ายบอลแบบคิลเลอร์พาส

 

ใครที่ดูทีมดังแดนเมอร์ซี่ย์ไซด์เล่นช่วงปรีซีซั่นคงจะเห็นคูตินโญ่ ประสานงานกับ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ อย่างงดงาม … นี่ยังไม่รวมสูตรการเล่นต่างๆ … การวิ่งหลอกของแบ็ก … การวิ่งเติมหาช่องของมิดฟิลด์บ็อกซ์ทูบ็อกซ์ … และการสอดขึ้นไปหาพื้นที่ของกองหน้า … รวมทั้งแผนเพรสซิ่งและโต้กลับสไตล์ เจอร์เก้น คล็อปป์

 

ทุกอย่าง ทุกสูตร … ล้วนมีคูตินโญ่เป็น “พระเอก” แทบทั้งสิ้น

 

แน่นอนว่าฤดูกาลนี้ “เดอะ นอร์ม่อล วัน” จริงจังมากขึ้นกับการทำทีม … นี่คือฤดูกาลที่สองของเขาแล้ว … และนักเตะลิเวอร์พูลก็เรียนรู้ระบบแบบแผนฟุตบอลเยอรมันสไตล์คล็อปป์แทบจะทะลุปรุโปร่ง

 

ตำแหน่งแบ็กซ้ายที่ทีมเคยตามหา … พวกเขาได้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน มาเป็นสมาชิกใหม่ … อาจไม่ใช่คนดังและค่าตัวแพง … แต่แนวรับสก็อตติชรู้จักหน้าที่ของตัวเอง … เขารักษาพื้นที่ของตัวเองได้ดี … และเติมเกมตามจังหวะที่ควรเติม … บางทีคล็อปป์ก็ไม่ได้ขออะไรมากมายกับตำแหน่งแบ็กซ้าย เพราะเรื่องเกมรุก … เขามีนักเตะสามตัวบนคอยรับผิดชอบอยู่แล้ว

 

อดีตกุนซือดอร์ทมุนด์ยังเสริมเขี้ยวเล็บด้วยการดึงสองแนวรุกฝีเท้าดีมาเพิ่ม … ซาลาห์ เป็นนักเตะที่มีความเร็วและจบสกอร์คม เหมาะมากกับบอลโต้สไตล์คล็อปป์ … ส่วน โดมินิค โซลันกี้ คือกองหน้าที่ไม่ใช้โอกาสเปลือง ดูแววแล้วอาจพึ่งพาได้มากกว่า ดิว็อค โอริกี้ , นี่ยังไม่รวม ซาดิโอ มาเน่ ที่พร้อมเผาพื้นที่ริมเส้นฝั่งตรงข้ามให้เป็นจุณ

 

คำถามสำคัญ …ลิเวอร์พูลอาจเล่นดีกับทีมใหญ่เหมือนเดิม แต่การเล่นกับทีมเล็ก พวกเขาจะทำให้ดีกว่าฤดูกาลที่แล้วอย่างไร?

 

การมี ซาลาห์ เข้ามา ทำให้ แดนกลางหงส์แดงมีตัวเลือกมากขึ้นในการจ่ายบอล … และหากคู่แข่งไปตั้งรับเต็มสูบ … คล็อปป์อาจต้องใช้การครอสซิ่งจากด้านข้างเข้าไป ซึ่งกองหน้าอย่าง โซลันกี้ สามารถเล่นลูกกลางอากาศได้

 

ข้อดีอีกอย่างของ ลิเวอร์พูล คือพวกเขามีผู้เล่นสไตล์ต่อเกมบนบกหลายคน … ซึ่งนี่คือแบบแผนของฟุตบอลสมัยใหม่ การต่อบอลบนพื้นอย่างฉับไว และสลับตำแหน่งเล่นกันอย่างเข้าใจ จะทำให้คู่แข่งประกบตัวและคุมโซนยาก

 

หากลิเวอร์พูลเจาะทีมเล็กที่มาอุดได้ … และกองหลังมีความชัวร์มากพอที่จะป้องกัน … พวกเขาก็มีโอกาสเก็บแต้มได้มากขึ้นกว่าฤดูกาลที่แล้ว … แต่ก็นั่นล่ะครับ ปัญหามีเพียงอย่างเดียว พวกเขาจะสามารถเก็บ คูตินโญ่ เอาไว้ได้หรือไม่

 

แล้วถ้าหากเสียคูตี้ไปจริงๆ … จะทำอย่างไร ?

 

บอร์ดลิเวอร์พูลต้องรีบตัดสินใจครับ … ถ้าจะปล่อยก็ปล่อยเลย อย่าประวิงเวลา … ผมเชื่อว่าอย่างหนึ่งคือพวกเขาต้องรู้ว่าหัวใจของเด็กอยู่ที่ไหน … หากไม่อยากเล่นแล้ว ก็ปล่อยไปในราคาที่เหมาะสมเพื่อซื้อตัวผู้เล่นใหม่

 

ยังมีผู้เล่นอีกหลายคนที่อยากมาเล่นให้กับลิเวอร์พูล หนึ่งในนั้นคือแนวรับเซาแธมป์ตัน แฟร์กิล ฟาน ไดค์

 

หาก ฟานไดค์ มาจริง … ลิเวอร์พูลจะตัดปัญหาแนวรับรั่วและเสียประตูให้ทีมเล็กไปในทันที … ส่วนแผงมิดฟิลด์หากเสีย คูตินโญ่ไปจริงๆ … ก็ยังมี โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ที่พอเล่นได้ … พวกเขายังมีมิดฟิลด์ที่เชื่อมเกมบนพื้นอย่าง จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุ้ม และ อดัม ลัลลาน่า อยู่ในทีมอีก

 

เพียงแต่เงินที่ได้มา (หากขายคูตินโญ่จริง) พวกเขาจะนำไปเล่นแร่แปรธาตุอย่างไร

 

ครับแต่แน่นอนอย่างที่สุด … ไม่มีชาวลิเวอร์พูลคนไหนอยากเสียคูตินโญ่ไปจากทีมครับ

 

– เหตุผลที่จะไม่ได้แชมป์

 

ลิเวอร์พูลทำผลงานในลีกได้ดีซีซั่นที่แล้ว … มาจากโปรแกรมของพวกเขาที่ไม่ชุกมาก

 

แต่แน่นอนปีนี้ “หงส์แดง” มีฟุตบอลยุโรปให้ต้องพะวง … พวกเขาต้องสลับสับเปลี่ยนผู้เล่นไปสู้ศึกช่วงกลางสัปดาห์แน่นอน ไม่ว่าจะเป็น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือ ยูโรป้า ลีกก็ตาม

 

ฉะนั้นสภาพความฟิตยังเป็นสิ่งสำคัญ … และสำคัญยิ่งกว่านั้นตราบใดที่คล็อปป์ยังขายของด้วยสไตล์เพรสซิ่ง นั่นหมายความว่านักเตะลิเวอร์พูลจะเล่นกันเหนื่อยกว่าทีมอื่นเป็นสองเท่าเช่นเดิม

 

นอกจากเรื่องของการเสริมทัพแล้ว … ทีมฟิตเนสลิเวอร์พูลยังต้องพยายามหนักมากในการรักษาสภาพความฟิตของทุกคนเอาไว้ …

 

หากลิเวอร์พูลจะไม่ได้แชมป์ … ส่วนสำคัญคงเป็นเพราะสภาพความฟิตที่อ่อนล้า และอาจมีช่วงที่เสียแต้มให้คู่แข่งแบบมาราธอนจนหลุดวงโคจร

 

คล็อปป์ยังคงต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายที่ชื่อ “ทีมเล็ก” ต่อไป … จะแชมป์หรือไม่แชมป์ อยู่ที่สองอย่างคือ ความฟิตของนักเตะ … การโรเตชั่นนักเตะกับฟุตบอลยุโรป และ การเข่นแต้มจากทีมเล็กเท่านั้น …

 

หากแก้จุดนี้ยังไม่ได้ … “หงส์แดง” อาจต้องรอแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกของสโมสรไปอีก 1 ปี

 

6.#ท็อตแน่มฮ็อตสเปอร์

 

– เหตุผลที่จะเป็นแชมป์

 

“ไก่เดือยทอง” มีนักเตะในแคมป์ที่ฝีเท้าดีมาก … ทุกอย่างลงตัวจนขนาดที่ยังไม่มีการเสริมทัพใดๆ ก็ยังน่ากลัว

 

พวกเขายังรักษานักเตะตัวหลักให้อยู่กับทีมต่อไปได้ … ทั้ง แฮร์รี่ เคน , เดเล่ อัลลี่ , คริสเตียน เอริคเซ่น , ซอน เฮือง มิน , วิคตอร์ วานยาม่า หรือแม้กระทั่ง เอริค ดายเออร์

 

ซึ่งเมาริซิโอ โพเช็ตติโน่เองก็คงคิดง่ายๆ … ว่าถ้าทีมดีอยู่แล้ว จะไปเปลี่ยนมันทำไม?

 

คนเดียวที่พวกเขาเสียไปคือ ไคล์ วอล์คเกอร์ … ซึ่งตัวแทนอย่าง คีแรน ทริปเปียร์ เผลอๆ จะทำได้ดีกว่า วอล์คเกอร์ เสียอีก โดยเฉพาะทักษะการครอสบอลที่อันตรายเข้าขั้น

 

สิ่งเดียวที่สเปอร์สต้องพยายามแสดงให้ทุกฝ่ายเห็นคือ พวกเขาต้องเปลี่ยนจากคำจำกัดความว่า “ทีมลุ้นแชมป์” เป็น “ทีมเต็งแชมป์”

 

สเปอร์ส สามารถต่อกรกับทีมใหญ่ได้อย่างไม่เกรงกลัวอีกแล้ว … และกับทีมเล็ก พวกเขาก็สามารถเก็บแต้มได้อย่างไม่ยากเย็น … หากเสริมทัพอีกในบางตำแหน่ง เช่นกองหน้าสำรองที่ดีกว่าวินเซนต์ แยนส์เซ่น เพื่อมาสแตนด์บาย แฮร์รี่ เคน ทุกอย่างก็สมบูรณ์แบบ

 

รอนับประตูและนับสามแต้มของสเปอร์สไปเรื่อยๆได้เลยครับ

 

– เหตุผลที่จะไม่ได้แชมป์

 

ปัญหาใหญ่ที่สุดที่สเปอร์สจะต้องเจอ (เฉพาะปีนี้) คือการย้ายสนาม

 

นักเตะ “ไก่เดือยทอง” ส่วนใหญ่ เคยชินกับการเล่นที่สนามเล็กๆอย่าง ไวท์ ฮาร์ท เลน .. พอต้องเปลี่ยนไปเล่นในสนามที่กว้างกว่า … การกะระยะวิ่ง และกะน้ำหนักการจ่ายบอลเปลี่ยนไป …

 

ลองไปถามนักเตะอาร์เซน่อลตอนย้ายจากไฮบิวรี่ไปอยู่ที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยมใหม่ๆ ก็เจอปัญหาเดียวกัน

 

แม้ สเปอร์ส จะเคยชิมลางกับเวมบลีย์ไปแล้วในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก … แต่ก็นั่นล่ะครับ ผลงานในเวทียุโรปของสเปอร์ส ซีซั่นก่อนก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า … พวกเขาจบเส้นทาง (ที่ตกจาก ชปล. ไปเล่นในยูโรป้าลีก) ด้วยการแพ้ เกนท์ ทีมจากเบลเยียม

 

อีกหนึ่งปัญหาที่สเปอร์สจะต้องก้าวข้ามให้ได้คือการเล่นเกมสำคัญครับ

 

นัดที่มันต้องชนะเพื่อจี้ผู้นำ … นัดที่ต้องชนะเพื่อต่อลมหายใจการคว้าแชมป์ … แต่นัดนั้นสเปอร์สดันแพ้ …

 

การคว้าแชมป์ลีก … คุณเล่นดีเพียงแมตช์เดียวไม่ได้ … คุณต้องเล่นดีทุกนัด และเก็บแต้มจากคู่แข่งให้ได้ ไม่ว่าแมตช์นั้นคุณจะเจอกับความหนืดล้าของตัวเองและเพื่อนร่วมทีม และกลยุทธ์ทุกวิถีทางของคู่แข่งที่จะขโมยแต้มไปจากคุณให้ได้ก็ตาม

 

โพเช็ตติโน่ มาไกลมากกับการดัน “ไก่เดือยทอง” ขึ้นมาถึงจุดนี้ … ณ เวลานี้พวกเขาไม่ใช่แค่ทีม ท็อป 6 อีกต่อไป แต่พวกเขาคือ 1 ใน 3 ทีมที่ดีที่สุดของประเทศ

 

จิตใจที่เชื่อมั่นว่าพวกเขาคือทีมเต็งแชมป์ … จะทำให้สเปอร์สเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก

 

#ย้ำอีกครั้งครับ พวกเขาต้องเป็นทีมเต็งแชมป์ ไม่ใช่แค่ทีมลุ้นแชมป์!

Dropballs

Be the first to comment

Leave a Reply

Your email address will not be published.


*


This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.