เรื่องราวเกี่ยวกับ เนย์มาร์ แบบจัดเต็ม

#จัดเต็มเนย์มาร์STORY

………………………………………………………………………………………………………………..

#INTRODUCTION

 

“คุณรู้ไหมว่าผมต้องร้องไห้หนักแค่ไหนตอนย้ายออกจากยูเวนตุส คุณรู้ไหมว่าผมไม่ต้องการย้ายออกไปเลย ไม่ว่าทีมจะตกชั้น หรือต้องหล่นไปเล่นที่ไหน นั่นไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่…ผมรักยูเวนตุส”

อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่

“นี่คือการตัดสินใจที่ยากที่สุดในชีวิตของผม ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างที่สุด ในทุกวินาที ทุกลมหายใจ ที่ผมรับใช้สโมสรแห่งนี้ หากฟุตบอลคือชีวิต พวกเขาก็คือชีวิตของผม”

สตีเว่น เจอร์ราร์ด

“ผมเริ่มเล่นที่นี่ครั้งแรกตอนอายุ 17 ปี พวกคุณดูแล และประคองผมจนเติบโต พวกคุณเรียกชื่อผม แม้ว่าบางครั้งผมจะทำให้คุณผิดหวัง แต่คุณคือคนที่อยู่ข้างผมเสมอ คำว่าขอบคุณ มันน้อยเกินไป ผมจะสนับสนุนสโมสรแห่งนี้ต่อไป และยังรักที่นี่จากก้นบึ้งหัวใจของผม”

จอห์น เทอร์รี่

คงมีเหตุผลต่างออกไป ถ้านักเตะสักคนจะเลือกย้ายออกจากทีมๆหนึ่ง …

บางคนไปเพราะจำใจจาก … บางคนไปเพราะสมควรแก่เวลา แต่บางคน … ไปเพราะอีกทางเลือกที่สดใส

นักฟุตบอลบางคนรักสโมสรมากกว่าตัวเอง … แต่บางคน ก็รักตัวเองมากกว่าสโมสร …

ในวันที่ลูกฟุตบอลถูกถักทอด้วยหนัง … จนทุกวันนี้ถูกถักทอด้วยธนบัตรและยอดเงินในบัญชี

ทุกอย่างเปลี่ยนไป … ความผูกพันของคำว่าผู้เล่นกับสโมสรน้อยลง …
คงเหลือแต่ความผูกพันระหว่าง เงิน กับ ปากท้อง …

………………………………………………………………………………..

 

บทที่ 1 #BEGINNING

5 กุมภาพันธ์ 1992 … วันที่ครอบครัวดา ซิลวา ซานโต๊ส มีความสุขที่สุด … พวกเขาไม่มีเงินไปหาหมอเพื่ออุลตร้าซาวด์ว่าเป็นลูกผู้ชายหรือผู้หญิง รู้แต่ตอนที่เขาลืมตาดูโลกแล้ว … นาดีน ดา ซิลวา ซานโต๊ส ยิ้มด้วยความเหนื่อยอ่อน แต่สีหน้าปลื้มปิติที่สุดในชีวิต

“ตอนแรกแม่ของเขาจะตั้งชื่อเขาว่า มาเทอุส แต่ผมยังไม่ค่อยเห็นด้วย ผมใช้เวลาราวหนึ่งอาทิตย์คิดชื่อลูก สุดท้ายเราตัดสินใจให้เขาชื่อ มาเทอุส แต่สุดท้ายผมก็เปลี่ยนใจกลางคัน”

“ผมตัดสินใจให้เขาใช้ชื่อเดียวกับผม เนย์มาร์ เหมือนกับพ่อของเขา … เขาคือ เนย์มาร์ จูเนียร์ แต่ในครอบครัว ทุกคนจะเรียกเขาว่า ‘จูนินโญ่’ ”

ครอบครัวของเขาเช่าอพาร์ทเมนท์อยู่ที่ ซานตา คลาริน่า ทางใต้ของบราซิล … เนย์มาร์ ซีเนียร์ หวงลูกของเขามาก หวงกระทั่งไม่กล้าอุ้มลูกในมือตัวเองเพราะกลัวจะหล่นลงพื้น … แต่ขณะที่ เจ้าหนูเนย์มาร์ตัวเล็ก อายุแค่ 4 เดือน พวกเขาเดินทางไปเยี่ยมญาติที่ซานโต๊ส … ขณะที่ทุกคนกำลังสนุกกันระหว่างเดินทาง รถคันหนึ่งพุ่งไถลเข้ามาหารถของพวกเขา พุ่งชนอย่างแรง มันศูนย์เสียการทรงตัวและไปหยุดที่ริมหน้าผาพวกเขารอดตายหวุดหวิด

เนย์มาร์ ซีเนียร์ บาดเจ็บหลายส่วน แต่คนที่เขาเป็นห่วงที่สุดคือลูก … เขาและนาร์ดีน ภรรยา คิดว่าต้องเสียลูกไปแน่ แต่เทพีแห่งโชคยังเข้าข้าง … เนย์มาร์ จูเนียร์ยังอยู่ที่เบาะหลัง… เขามีแผลที่ศีรษะเพียงเล็กน้อยเท่านั้น …

“มันคือปาฏิหาริย์” เนย์มาร์ ซีเนียร์ ยอมรับ … และจากนั้นเขาตั้งปณิธานกับตัวเองว่า จะไม่ปล่อยลูกชายสุดที่รักให้ไปไหนอีก …

………………………………………………………………………………………………………

บทที่ 2 #สองพ่อลูกบนโลกลูกหนัง

“เขาเริ่มรักฟุตบอลก็เพราะผม” เนย์มาร์ ซีเนียร์ เริ่มเล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นของดาวเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลกคนปัจจุบัน บนผืนหญ้าสีเขียว

“ผมกับเขามีอะไรที่เหมือนกันหลายอย่าง ผมชอบเล่นริมเส้นฝั่งขวา ชอบเล่นกับลูกฟุตบอล ชอบเก็บมันอยู่กับตัว การเลี้ยงบอลคือช่วงเวลาที่น่าหลงใหลสำหรับผม แต่สิ่งที่ผมไม่มีคือสัณชาตญาณการทำประตู”

“แต่ลูกของผมมีในสิ่งนั้น เขาเรียนรู้ได้เร็วมาก และเขาสมบูรณ์แบบ เขามีหมดทุกอย่างทั้งการทำประตู และการมองเกมให้ขาด”

“มันเริ่มมาจากบ่ายวันหนึ่ง ที่ผมยังเล่นฟุตบอลอยู่ที่ซานโต๊ส วันนั้นผมพาจูเนียร์มาด้วย ผมให้เขานั่งรออยู่บนอัฒจันทร์”

“แต่ไม่รู้เป็นการเล่นซนตามประสาเด็กหรืออย่างไร … ลูกของผมคงนึกสนุก จินตนาการตัวเองว่าอยู่ในสนาม เขาวิ่งขึ้นวิ่งลงอัฒจันทร์อยู่อย่างนั้น จนเบตินโญ่ โค้ชซานโต๊สในตอนนั้น เดินมาถามผมว่า ลูกนายเตะบอลเป็นไหม”

“เขาบอกว่าลูกผมมีท่าทางการวิ่งที่ไม่เหมือนใคร นี่เป็นการวิ่งของนักกีฬาอาชีพที่มีโอกาสประสบความสำเร็จ เบตินโญ่อยากให้ผมฝึกเขา”

“ผมปล่อยให้เขาเล่น ทุกพื้นที่ที่เขาเหยียบสามารถเป็นสนามฟุตบอลได้ ท้องถนน ชายหาด หรือแม้แต่ห้องนอน เขามีจินตนาการที่สูงมาก ไม่แปลกใจที่สตรีทฟุตบอล , ฟุตซอล หรือฟุตบอลชายหาดสร้างยอดนักเตะมานักต่อนัก ผมเชื่อว่าลูกของผมก็เป็นหนึ่งในนั้น”

“ผมให้คนอื่นมาลบเลือนจินตนาการของลูกผมไม่ได้ มีอยู่วันหนึ่งที่จูเนียร์ลงแข่งในทีมเยาวชน และจังหวะสำคัญ เขาต้องใช้เท้าซ้ายยิงประตู … โค้ชของเขาลงมาต่อว่าเขาใหญ่ ว่าทำไมยิงเท้าซ้าย … จูเนียร์เซื่องซึมทันทีหลังจากนั้น จนผมต้องบอกลูกว่า เท้าไหนก็ยิงประตูได้เหมือนกัน ถ้าไม่ถนัดเท้าซ้าย จงฝึกเท้าซ้ายให้มาก แล้วลูกจะเป็นคนที่เล่นบอลได้ดีทั้งสองเท้า”

ระหว่างช่วงที่เนย์มาร์ จูเนียร์กำลังเติบโต… เนย์มาร์ ซีเนียร์ กำลังทำงานอยู่ที่บริษัทคมนาคมแห่งหนึ่งในเมืองซานโต๊ส … เขาต้องเลิกเล่นฟุตบอลเพราะอาการบาดเจ็บเรื้อรัง … ชีวิตนอกสนามของพ่อบังเกิดเกล้าไม่ดีเท่าใดนัก มีเดือนหนึ่งที่ครอบครัวของเขาขัดสนจนไม่มีเงินจ่ายค่าไฟฟ้า …

“ผมยังแปลกใจว่าทำไมลูกของผมสองคนคือ จูเนียร์ และ ราฟาเอล่า ไม่เคยหัวเสียกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเลย วันที่เราไม่มีไฟฟ้าใช้ เราจุดเทียนกัน แล้วคุณเชื่อไหม มันเป็นบรรยากาศที่อิ่มเอมใจมาก ทุกคนอยู่กันได้ด้วยความรัก แม้ในช่วงเวลาที่ลำบากที่สุด”

…. ณ วันนี้คงมีหลายคำถาม ว่าทำไมเนย์มาร์ จูเนียร์จึงเลือกจากบาร์เซโลน่า เพื่อไปยังสโมสรที่พร้อมจะให้ทุนทรัพย์เขาได้มากกว่า … จนเราต้องมาย้อนดูชีวิตของเขา … เพื่อให้รู้ว่าบางครั้ง … บ้านของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บ้านของนักเตะในตำนานหลายคนคือสโมสรที่พวกเขารัก … เนย์มาร์ จูเนียร์อาจไม่รู้สึกว่าเขาผูกพันกับสโมสรใด มากกว่าครอบครัวของพวกเขาที่ฝ่าฟันมาด้วยกัน

เนย์มาร์ ซีเนียร์ สร้าง เนย์มาร์ จูเนียร์ จนวันหนึ่ง ลูกชายของเขาเติบใหญ่จนเป็นกำลังหลักในการจุนเจือครอบครัว

สองเท้าของ เนย์มาร์ จูเนียร์ กำลังจะเปลี่ยนโลกนี้ไปทั้งใบ…

…………………………………………………………………………………………………………….

บทที่ 3 #วันแห่งการตัดสินใจ

ช่วงที่เนย์มาร์ จูเนียร์อยู่ที่ซานโต๊ส เขาพัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อยมา จนกลายเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามองที่สุดในฟุตบอลอเมริกาใต้ นั่นทำให้ช่วงเวลานั้น ข้อเสนอจากทีมใหญ่ในยุโรปประเดประดังเข้ามา ทีมที่สองพ่อลูกจำได้ดีคือ เชลซี และ เรอัล มาดริด

“แน่นอน เรื่องเงินสำคัญที่สุด ผมดูแลการใช้จ่ายทั้งหมดของลูก มันไม่ใช่เรื่องของความโลภ แต่มันเป็นความรับผิดชอบ ผมต้องทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุดเพื่อปากท้องของครอบครัว”

“ช่วงนั้นเราได้รู้จักว้ากเนอร์ ริเบโร่ เอเยนต์มากฝีมือ … หลายคนวิจารณ์เขา แต่ผมคิดว่าเขาช่วยเรามากนะ เขามีสังคมที่กว้างขวาง และช่วยทำให้ จูเนียร์ เติบโตได้ไวมาก แต่บางครั้งมันก็ไวเกินไป … เมื่อปี 2006 …จูเนียร์อายุ 13… ว้ากเนอร์ส่งประวัติของเขาไปให้กับเรอัล มาดริด … ซึ่งสนใจลูกของเรามาก เขายื่นสัญญาให้กับพวกเราเหมือนกับที่ บาร์เซโลน่า ยื่นให้กับ ลิโอเนล เมสซี่ ตอนที่ยังเด็ก”

“ผมพาจูเนียร์และครอบครัวไปอยู่ที่สเปน 3 สัปดาห์ จนคิดว่า สิ่งที่เรอัล มาดริดให้กับเรามันมากเกินไป … พวกเขาให้ความสะดวกสบายกับจูเนียร์จนผมกลัวว่าลูกของผมจะเสียเด็ก ผมอยากให้เขาโตกว่านี้ และฝีเท้าดีกว่านี้”

“ผมรู้ว่านี่เป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญ แน่นอนว่าทุกการตัดสินใจ มันย่อมมีทั้งด้านดี และด้านร้าย แต่ผมเชื่อว่า การตัดสินใจตอนนั้นไม่ผิดพลาด ผมให้ลูกของผมเล่นที่ซานโต๊สต่อ กระทั่งเมื่อปี 2010 … วันที่ผมต้องตัดสินใจครั้งสำคัญให้กับลูกอีกครั้ง เมื่อเชลซียื่นข้อเสนอเข้ามา ครั้งนี้ จูเนียร์โตพอแล้ว”

“ผมนั่งคุยเปิดอกกับหลุยส์ อัลวาโร่ ประธานสโมสรซานโต๊สในขณะนั้น เขายื่นคำขาดกับผมว่า หากเนย์มาร์ จูเนียร์ ตัดสินใจอยู่ต่อ เขาจะเป็นนักเตะคนสำคัญที่สุดของทีม”

“ตอนนั้นผมยอมรับว่า มันไม่เหมือนครั้งก่อนกับเรอัล มาดริด … เพราะข้อเสนอของเชลซีก็ใหญ่โตจนปฏิเสธไม่ลง ผมนึกถึงสิ่งที่ ซานโต๊ส ให้ไว้กับผมและลูก มันยากที่จะทิ้งพวกเขาไปตอนนี้”

“แต่จุดเปลี่ยนสำคัญคือ ตำนานนักฟุตบอลหมายเลขหนึ่งของประเทศ หรืออาจจะของโลกด้วย … ใช่ … เปเล่ เขาติดต่อผมมาด้วยตัวเอง และขอผม ให้จูเนียร์ เล่นให้กับซานโต๊สต่อไป เขาบอกผมว่า เขาประสบความสำเร็จจนเป็นตำนานได้ทุกวันนี้ก็เพราะซานโต๊ส และแน่นอน ซานโต๊ส คือความภาคภูมิใจของคนบราซิล คุณต้องเล่นให้ซานโต๊ส และติดทีมชาติ”

“เป็นอีกครั้งที่ผมต้องปัดข้อเสนอของเชลซีทิ้งไป และให้จูเนียร์เล่นให้กับซานโต๊สต่อ … แต่เขาเล่นอยู่ที่นั่นได้เพียง 3 ปี … เขาเป็นหมายเลขหนึ่งของทีมก็จริง แต่ความกดดันทุกอย่างถาโถมเข้ามาหาลูกของผมคนเดียว ผมรู้สึกว่า ทุกอย่างเริ่มไม่ยุติธรรมแล้ว”
“ถึงเวลาแล้วที่ลูกของผมต้องไปจากที่นี่จริงๆ”

…………………………………………………………………………………………………………….

บทที่ 4 #บาร์เซโลน่าและสัญญาย้ายทีมปริศนา?

“พวกเขาติดต่อเรามาตั้งแต่ปี 2011 แล้ว” เนย์มาร์ ซีเนียร์ เล่าให้ฟังเกี่ยวกับการย้ายสังกัดครั้งสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตของลูกชาย

“ผมใช้คำว่าจีบเล่นๆ เรื่องราวมันผ่านตาผมจากหนังสือพิมพ์ฉบับต่างๆ แต่พวกเขาไม่เคยยื่นข้อเสนอเข้ามาอย่างจริงจัง”

“จนกระทั่งปี 2011 พวกเขาตกลงจ่ายเงิน 10 ล้านยูโรแบบผ่อนทีละงวด คล้ายกับเงินมัดจำ ก่อนที่ค่าตัวจะตกลงกันได้ที่ 58 ล้านยูโร … ครั้งนี้ผมมองว่า นี่เป็นโอกาสสำคัญ … จูเนียร์จะพลาดอีกไม่ได้ … ณ เวลานั้นเขาตัวใหญ่เกินไปสำหรับซานโต๊สแล้ว เขาต้องหาความท้าทายใหม่

3 มิถุนายน 2013 … เนย์มาร์ จูเนียร์ เปิดตัวกับบาร์เซโลน่า … จากนั้นกลายเป็นช่วงเวลาแห่งความราบรื่น เนย์มาร์นำความสำเร็จมากมายสู่บาร์เซโลน่า สร้างสามประสาน MSN ที่ลือเลี่อง ผนึกกำลังกับ ลิโอเนล เมสซี่ และหลุยส์ ซัวเรซ

กระนั้นมีเรื่องหนึ่งที่เป็นหนามยอกอกครอบครัวดา ซิลวา ซานโต๊สมาตลอด … และเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับครอบครัวพวกเขา

“เงิน”

การเซ็นสัญญา เอาตัวเนย์มาร์ จูเนียร์ไปไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะนอกจากการจ่ายเงินกันเองระหว่างซานโต๊ส กับ บาร์เซโลน่าแล้ว ยังมีกลุ่มอื่นๆ ที่เป็นพันธมิตรกับซานโต๊ส และถือสิทธิ์ในตัวเนย์มาร์ จูเนียร์ … หากนึกภาพง่ายๆ หากซื้อตัวเนย์มาร์ไป … ซานโต๊ส จะได้รับส่วนแบ่ง 55 เปอร์เซนต์ / พันธมิตรกลุ่มสำคัญคือ ดีไอเอส เอสพอร์เต้ ถือสิทธิ์ถึง 40 เปอร์เซนต์ / และอีกกลุ่มทุนหนึ่งคือ เทซ่า ถืออีก 5 เปอร์เซนต์

เรื่องยังไม่จบแค่นั้น …. เพราะเงินอีกส่วนจำเป็นต้องมอบให้กับเอเยนต์ ซึ่งนั่นก็คือ ตัวเนย์มาร์ ซีเนียร์เอง … การเจรจาดีลเนย์มาร์ไปบาร์ซ่า ลึกล้ำกว่าที่คิด … รายงานจากสเปนระบุว่า บาร์ซ่าต้องการจ่ายเงินจำนวน 10 ล้านยูโรในปี 2012 ตอนแรกพวกเขาตั้งใจนำเงินจำนวนนี้ให้กับ ดีไอเอส เอสพอร์เต้ก่อน หรือพูดง่ายๆคือ เคลียร์ส่วนแบ่งอื่นๆออกไปก่อน เพื่อให้การเจรจาเหลือแค่ระหว่างทีมสองทีม และเอเยนต์ แต่ ดีไอเอสเองก็ไม่อยากจะรับข้อเสนอนั้น สุดท้ายเงินจำนวนนี้ ก็ยังไม่มีใครทราบว่าตกไปอยู่กับใคร

รายงานจากสเปนยังระบุอีกว่า จากเงินทั้งหมดที่บาร์ซ่าจ่ายให้ ครอบครัวเนย์มาร์ รับไปเต็มๆ 30 ล้านยูโร… บวกกับ 10 ล้านยูโร ที่บาร์ซ่า จ่ายให้ทีมซานโต๊สแบบตรงไปตรงมา .. ทีนี้เหลือเงินอีก 17 ล้านยูโร (รวมเงิน 10 ล้านยูโรปริศนาที่บาร์ซ่าจ่ายไปทีแรก) ซึ่งเกิดเครื่องหมายคำถามว่า เงินส่วนที่เหลือ หายไปไหนกันแน่?

หรือสื่อบางสำนักก็อ้างว่า … เนย์มาร์ ซีเนียร์และครอบครัวได้รับเงินถึง 40 ล้านยูโร จากบาร์ซ่า เพื่อเป็นค่าลิขสิทธิ์ภาพลักษณ์ และ อีก 17 ล้านยูโร จ่ายไปที่ซานโต๊ส แต่ที่แน่ๆคือ พวกกลุ่มทุนที่อ้างสิทธิ์เป็นเจ้าของเนย์มาร์ จูเนียร์ คือ ดีไอเอส เอสพอร์เต้ และ เทซ่า ได้รับเงินรวมกันเพียงราว 8 ล้านยูโรเท่านั้น

ซึ่งนั่นคือสาเหตุของข่าวดังในช่วงปลายปี 2016 … ที่ ดีไอเอส เอสพอร์เต้ ออกโรงฟ้องร้อง เนย์มาร์ จูเนียร์ ว่าสุดท้ายแล้ว เขาถือหุ้นในตัวนักเตะทีแรกถึง 40 เปอร์เซนต์ ซึ่งตามสัญญาพวกเขาควรจะได้อย่างน้อย 22 ล้านยูโร แต่พวกเขากลับได้เงินไปเพียง 6.8 ล้านยูโร
สรุปง่ายๆครับ… กลุ่มที่ได้เงินจากดีลเนย์มาร์ จูเนียร์ … ไม่ใช่ซานโต๊ส , ไม่ใช่กลุ่มทุนมือที่ 3 แต่เป็นตัวเนย์มาร์ ซีเนียร์ และครอบครัวของเขาเอง
ซึ่งเรื่องนี้ก็นำมาซึ่งปัญหาต่อเนื่องเรื่องภาษี … ที่เนย์มาร์ทั้งสอง และครอบครัว พยายามหลบหลีกไม่ยอมเคลียร์ให้ชัดเจน อย่างไรก็ตาม หลังจากคดีภาษีถูกฟ้องร้องกันเป็นเวลานาน เนย์มาร์ ผู้พ่อ ก็ยืนยันว่า #ศาลหาหลักฐานมาเอาผิดไม่ได้ ซึ่งนั่นก็หมายถึง ครอบครัวของพวกเรารอดพ้นจากคดีเหล่านี้ไปแล้วนั่นเอง

กระนั้น … การอยู่บาร์เซโลน่าต่ออาจไม่ใช่เรื่องที่ดีเสียแล้ว … ไหนจะเรื่องในสนามของลูกชาย ที่แม้เพิ่งจะต่อสัญญาฉบับใหม่ไปไม่นาน แต่ค่าเหนื่อยก็ยังเป็นเพียงอันดับที่ 2 ในทีม … ยังไงก็แพ้พี่ใหญ่ ลิโอเนล เมสซี่ … ส่วนเรื่องนอกสนาม ความหลังเรื่องการเงินที่คลุมเครือ แม้จะรอดพ้นมลทินแล้ว แต่หากมีที่ที่ดีกว่า ก็ควรจะไปให้พ้น

นั่นนำมาซึ่งการย้ายทีมครั้งล่าสุดที่สะพรึงโลกฟุตบอลอีกครั้ง …

………………………………………………………………………………………………………………

 

บทที่ 5 #เนย์มาร์…กาตาร์และ ปารีส แซงต์ แชร์กแม็ง

โลกฟุตบอลเปลี่ยนไปโดยแท้จริง ….

ในปี 2003… โรนัลดินโญ่ ย้ายจากปารีส แซงต์ แชร์กแม็ง เพื่อไปอยู่กับบาร์เซโลน่า เพื่อหวังโด่งดังกว่าเดิม และความสำเร็จในเชิงถ้วยรางวัล … ในขณะนั้น เปแอสเชยังไม่ใช่ทีมเงินถุงเงินถังเหมือนทุกวันนี้ … เมื่อเขาไปที่บาร์ซ่า นั่นคือชื่อเสียง และเส้นชัยแห่งความมั่งคั่ง

เหลือเชื่อว่าอีก 14 ปีต่อมา … จะเกิดการย้ายทีมที่สลับทางกัน … เมื่อบาร์ซ่า กลายเป็นทางผ่าน และเมื่อวันที่เปแอสเช มีถุงเงินวิเศษพร้อมเนรมิตอะไรก็ได้

เดิมบาร์ซ่าตั้งค่าฉีกสัญญาเนย์มาร์ จูเนียร์ไว้ที่ 190 ล้านยูโร ในปี 2013… แต่จากสัญญาฉบับใหม่ เขามีค่าฉีกสัญญาอยู่ที่ 222 ล้านยูโร… ตั้งเอาไว้เพื่อกันไม่ให้ใครมาซื้อแท้ๆ

กระนั้นเปแอสเช ที่นำโดยกลุ่มทุน โอริกซ์ กาตาร์ สปอร์ต อินเวสท์เมนต์ … ที่ทำให้ทีมดันแดนหอไอเฟลกลายสภาพมาเป็นยักษ์ใหญ่ด้านการเงินหมายเลขหนึ่งของโลกเวลานี้ … มีเงินพร้อมจ่ายเพื่อดึงเนย์มาร์มาเสริมทีม

กระนั้นกฎใหม่ของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติหรือฟีฟ่าที่ชื่อ ไฟแนนเชี่ยล แฟร์ เพลย์ … ป้องกันไม่ให้ทีมๆหนึ่ง ใช้จ่ายมันส์มืออยู่ทีมเดียว … ทุกอย่างต้องมีความสมดุล ซื้อ ต้องมีลิมิต และต้องมีเงินขายออกเพื่อรักษาสมดุลการเงินภายในทีม

เงินรายได้ จะมาจากเจ้าของสโมสรอย่างเดียวไม่ได้ เพราะสโมสรเอง ต้องมีรายรับ-รายจ่ายที่ชัดเจนภายในทีมด้วย

โชคดีที่ค่าฉีกสัญญา … เปแอสเช ไม่จำเป็นต้องจ่ายให้บาร์ซ่าโดยตรง เพราะตามกฎแล้ว เมื่อเกิดการฉีกสัญญา นักเตะ ต้องนำเงินตรงนี้ไปจ่ายให้กับต้นสังกัดเดิมด้วยตัวเอง

เปแอสเช เลยนำเงินจำนวนนี้ “ฝาก” เนย์มาร์ จูเนียร์ ไปให้กับบาร์เซโลน่า นั่นทำให้เงินจำนวนนี้ “ไม่ใช่” การจ่ายโดยตรงระหว่างสองสโมสร

อีกทั้งยังมีรายงานว่า กลุ่มทุนจากกาตาร์ ได้แยกเงินเป็นหลายส่วน “หลายจุดประสงค์” ให้กับเนย์มาร์ จูเนียร์(เอาไปจ่ายให้กับบาร์ซ่า) โดยหนึ่งในนั้นคือ การให้เนย์มาร์ จูเนียร์ เป็นฑูตของการเป็นเจ้าภาพจัดฟุตบอลโลก 2022 ด้วยจำนวนเงินสูงถึง 300 ล้านยูโร … และแน่นอน ว่าอดีตริมเส้นด้านซ้ายบาร์ซ่า จะนำเงินจำนวนนี้ไปจ่ายให้กับ บาร์ซ่า เพื่อฉีกสัญญา

การวางแผนเพื่อหลบหลีกกฎ ไฟแนนเชี่ยล แฟร์ เพลย์ เป็นไปอย่างแยบยล จนมุนโด้ เดปอร์ติโบ สื่อสเปนรายงานว่า ไม่มีเงินส่วนใดที่เป็นการซื้อขายโดยตรง (ที่ถือว่าต้องนำไปคิดตามกฎ ไฟแนนเชี่ยล แฟร์ เพลย์) โดยจะมีเพียงค่าเหนื่อยของเปแอสเช ที่ต้องจ่ายให้กับเนย์มาร์เท่านั้น

ซึ่งแค่ค่าเหนื่อย … พระเจ้าช่วย นั่นก็หนักมากแล้ว ทั้งหมดอยู่ที่ 600,000 ยูโรต่อสัปดาห์ น้อยกว่า คาร์ลอส เตเวซ ที่รับกับ เซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว จากจีนที่ 634,000 ยูโรต่อสัปดาห์เพียงรายเดียว

ยังไม่หมดแค่นี้ครับ … เพราะ 222 ล้านยูโรนั่น เป็นแค่เงินที่ทำให้ดีลการย้ายทีมเกิดขึ้นเท่านั้น … แต่ยังมีเงินส่วนอื่นที่เปแอสเช ต้องจ่ายอีกในอนาคต … ไม่ว่าจะเป็นเงินกินเปล่า 39 ล้านยูโร … ที่พวกเขาต้องจ่ายให้ คุณพ่อ เนย์มาร์ ซีเนียร์ … เงินค่าเหนื่อยต่อสัญญา 5 ปี ที่ตกปีละ 30 ล้านยูโร และเงินอีก 15 เปอร์เซนต์ ที่เนย์มาร์ผู้พ่อ “ขอ” ต่างหากจากเปแอสเชอีกด้วย

ซึ่งรวมทั้งหมดทั้งมวลแล้วจริงๆ ทั้งหมดที่เปแอสเชต้องจ่ายให้เนย์มาร์ตลอดสัญญา 5 ปีอยู่ที่ 498 ล้านยูโร…

หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่เกือบ 20,000 ล้านบาท…

…………………………………………………………………………………………………………..

EPILOGUE #ปัจจุบันและอนาคต

อยากแรกผมขอบคุณทุกท่านที่ฝ่าด่านงานเขียนอันยืดยาว และ “อ่าน” มาจนถึงจุดนี้ครับ

หากใครได้อ่านคำพูดสั้นๆของบรรดานักเตะที่รักสโมสรมากในช่วงแรก … นั่นคือนักเตะที่ผูกพันกับสโมสรมาก … แต่ก็ยังมีนักเตะอีกกลุ่มนึง … ที่อยู่กับสโมสรใดสโมสรเดียวไม่ได้

พวกเขาต้องกระเสือกกระสน เพื่อครอบครัว … บางครั้งไม่มีข้าวจะกิน … บางเวลาไม่มีไฟฟ้าจะใช้ …

“เงิน” จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด แม้ว่าจะต้องยอมสละความสำเร็จในรูปแบบถ้วยรางวัลก็ตาม…

เพราะในอีกแง่มุมหนึ่ง นอกจากคำว่าเกียรติยศ “เพียงคำเดียว” บางครั้งนักฟุตบอล เมื่อมีคำว่า “อาชีพ” แปะอยู่ด้านหลัง พวกเขาก็ต้องเล่นเพื่อเงินทั้งนั้น

แต่แน่นอนครับ… การย้ายทีมของเนย์มาร์ จูเนียร์ … กำลังสั่นสะเทือนวงการฟุตบอลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ทุกวันนี้มีดาวรุ่งมากมายที่กลายเป็นซูเปอร์สตาร์โดยขาดการขัดเกลา … พวกเขากำลังมอง เนย์มาร์ จูเนียร์ เป็นแบบอย่าง …

พวกเขาดังจากการถ่ายทอดสด เป็นที่รู้จักของแฟนบอลในช่วงข้ามคืน…

พวกเขา “กระโดดข้าม” ความลำบาก ที่นักฟุตบอลรุ่นพี่หรือรุ่นน้าเคยเจอมา … ซึ่งแน่นอนครับ อำนาจเงิน อาจทำให้พวกเขาหลงไหลในชื่อเสียง …

แต่ไม่มีอะไรบอกได้ครับว่า … จำนวนเงินที่ฟุ้งเฟ้อเกินจริงในโลกฟุตบอล … มันจะหวนกลับมาทำร้ายโลกลูกหนังที่เรารักในอนาคตมากน้อยเพียงใด

ผมย้อนกลับไปอ่านคำพูดของเดล ปิเอโร่ , ต็อตติ , เจอร์ราร์ด , เทอร์รี่ แล้วก็มองไปยังอนาคตเบื้องหน้า

#หรืออนาคตคงจะไม่เหลือนักเตะที่เล่นฟุตบอลเพราะความรักอีกแล้ว…

Dropballs

Be the first to comment

Leave a Reply

Your email address will not be published.


*


This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.