
#เนชั่นส์ลีก คืออะไร ?
– ทัวร์นาเมนต์ใหม่ของทีมชาติในโซนยุโรป ศึกยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2018-19 จะเปิดตัวในคืนวันพฤหัสบดี ที่ 6 ก.ย.ประเดิมคู่แรก ลีก A กลุ่ม 1 ที่มิวนิค ทีมชาติเยอรมนี พบ ทีมชาติฝรั่งเศส แข่งขัน เวลา 01.45 น. ตามเวลาประเทศไทย
– เนชั่นส์ ลีก ถูกออกแบบมา เพื่อลดจำนวนเกมกระชับมิตรทีมชาติลง มีเงินรางวัลและถ้วยรางวัลเป็นสิ่งล่อใจ พร้อมทั้งมอบโควต้า 4 ทีม ไปฟาดแข้งในศึกยูโร ในที่นี้ คือยูโร 2020 มีจำนวนทีมในรอบสุดท้ายทั้งสิ้น 24 ทีม

สรุป คือ หนทางสู่ยูโร 2020 มี 2ทาง
1.เส้นทางที่คุ้นเคย ทั้ง 55 ชาติ ในสมาชิกยูฟ่าที่เข้าแข่งขัน ต้องลงเตะรอบคัดเลือกยูโร 2020 (เริ่มต้นในเดือนมีนาคม-พฤศจิกายน 2019)แบ่งเป็นกลุ่มละ 5 ทีม 5 กลุ่ม กับกลุ่มละ 6 ทีม 5 กลุ่ม รวมทั้งหมด 10 กลุ่ม แชมป์กับรองแชมป์ทั้ง 10 กลุ่ม ทั้งหมด 20 ทีม จะผ่านเข้ารอบสุดท้าย ศึกยูโร 2020
2.เส้นทางใหม่ สายเนชั่นส์ ลีก เนชั่นส์ ลึก แบ่งเป็น 4 ลีก (A, B, C, D) แต่ละลีก จะมีสิทธิ 1 โควต้า สำหรับยูโรรอบสุดท้าย วิธีการได้สิทธิ 1 โควต้านั้น ทีมจากแชมป์กลุ่ม 1, 2, 3 และ 4 ของแต่ละลีก จะนำมาแข่งขันเพลย์ออฟกัน เพื่อหาทีมแชมป์เพลย์ออฟของแต่ละลีก ซึ่งทีมที่ได้แชมป์เพลย์ออฟจะได้สิทธิไปเล่นฟุตบอลยูโรรอบสุดท้ายทันที แต่ในกรณีที่ทีมแชมป์ของกลุ่มนั้นๆ ได้สิทธิไปฟุตบอลยูโรรอบสุดท้ายอยู่แล้ว ก็จะเลื่อนลงมาให้ทีมอันดับต่อไปในลีก (โดยคิดคะแนนเรียงกันทั้ง 4 ทีมแบบไม่อิงกลุ่ม) ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม จะมีทีมได้แข่งขันรอบเพลย์ออฟอย่างแน่นอนเป็นจำนวน 16 ทีม และหาเอา 4 ทีม เข้าไปเล่นใน ยูโร 2020 รอบสุดท้าย
#ความพิเศษของเนชั่นส์ ลีก
แชมป์แต่ละกลุ่มในลีก A จะได้เข้ารอบรองชนะเลิศ โดยแชมป์กลุ่มที่ทำแต้มได้มากที่สุดเป็นอันดับ 1 จะได้เจอกับแชมป์กลุ่มที่เก็บแต้มได้น้อยที่สุด ส่วนอีกคู่นั้นเป็นคู่ระหว่างแชมป์กลุ่มที่เก็บแต้มได้มากที่สุดอันดับ 2 เจอกับแชมป์กลุ่มที่เก็บแต้มมากที่สุดอันดับ 3 รอบรองชนะเลิศจะเป็นการแข่งขันนัดเดียวจบโดยใช้สนามของทีมที่มีคะแนนเหนือกว่า (แข่งวันที่ 5 หรือ 6 มิถุนายน 2019) ผู้ชนะก็จะเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ส่วนผู้แพ้ก็จะได้ชิงที่ 3 ซึ่งทั้งสองแมตช์แข่งในวันที่ 9 มิ.ย. 2019 ใครชนะก็จะได้แชมป์ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ไปครอง
#เนชั่นส์ลีก มีรูปแบบการเล่นอย่างไร

เนชั่นส์ ลีก แบ่งเป็น 4 ลีก (ลีก A, B, C, D) แยกเกรดตามค่าสัมประสิทธิ์ของยูฟ่า เดือนตุลาคม 2017 ลีก A คือพวกคะแนนสูงๆ ส่วนลีก D คือพวกคะแนนต่ำๆ แข่งขัน แบบเหย้า-เยือน พบกันหมดในแต่ละกลุ่ม

#ลีกA (12 ทีม)
กลุ่ม A1: เยอรมนี, ฝรั่งเศส, ฮอลแลนด์
กลุ่ม A2: เบลเยียม, สวิตเซอร์แลนด์, ไอซ์แลนด์
กลุ่ม A3: โปรตุเกส, อิตาลี, โปแลนด์
กลุ่ม A4: สเปน, อังกฤษ, โครเอเชีย
#ทีมอันดับสุดท้ายแต่ละกลุ่ม ตกสู่ ลีก B

#ลีกB (12 ทีม)
กลุ่ม B1: สโลวะเกีย, ยูเครน, เช็ก
กลุ่ม B2: รัสเซีย, สวีเดน, ตุรกี
กลุ่ม B3: ออสเตรีย, บอสเนียฯ, ไอร์แลนด์เหนือ
กลุ่ม B4: เวลส์, ไอร์แลนด์, เดนมาร์ก
#แชมป์แต่ละกลุ่ม ขึ้นสู่ลีก A
ทีมอันดับสุดท้าย แต่ละกลุ่ม ตกสู่ลีกC

#ลีกC (15 ทีม)
กลุ่ม C1: สก๊อตแลนด์, แอลเบเนีย, อิสราเอล
กลุ่ม C2: ฮังการี, กรีซ, ฟินแลนด์, เอสโตเนีย
กลุ่ม C3: สโลวีเนีย, นอร์เวย์, บัลแกเรีย, ไซปรัส
กลุ่ม C4: โรมาเนีย, เซอร์เบีย, มอนเตเนโกร, ลิทัวเนีย
#แชมป์แต่ละกลุ่ม ขึ้นสู่ลีก B
ทีมอันดับสุดท้ายแต่ละกลุ่ม ตกสู่ลีกD

Leave a Reply