ปรีซีซั่นของปีศาจแดงผ่านไปอย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่นัดแรกพบ แอลเอ กาแลคซี่ กลางเดือนกรกฏาคม จนถึงเกมสุดท้าย พบซามพ์โดเรีย เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เวลาประมาณ3สัปดาห์ ภายใต้การคุมทีมฤดูกาลที่สองของ โจเซ่ มูรินโญ่ เราได้เห็นอะไรหลายๆอย่าง ชัดเจนมากขึ้น ทั้งระบบการเล่น นักเตะใหม่ที่เข้ามาเสริมทีม สปีดเกมรุก การเข้าทำที่หลากหลาย การเพรสซิ่ง ลูกตั้งเตะ เกมโต้กลับ และระเบียบวินัยของผู้เล่น
แฟนบอลอาจมองว่า อุ่นเครื่องปรีซีซั่น เป็นการเเข่งขันที่ไม่จริงจังอะไรมากนัก หรือเป็นแค่การทดลองทีม แต่สิ่งที่เห็นได้ชัด คือ มูรินโญ่ มีเป้าหมายที่ชัดเจนในการทัวร์ปรีซีซั่นครั้งนี้ อย่างแรกคือเขาต้องการชัยชนะในทุกๆเกม เขารู้ดีว่าแฟนบอลชอบและคุ้นเคยกับมันแค่ไหน รวมทั้งทรงบอลที่ตื่นตาตื่นใจจากลูกทีม ซึ่งเป็นสิ่งที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ห่างหายไปในช่วงก่อนที่เขาเข้ามาคุมทีม ต่อมาคือการได้ทดลองระบบและทดสอบผู้เล่นดาวรุ่งไปในตัว
ชัยชนะและทรงบอลที่ตื่นตาตื่นใจขึ้น กว่ายุค หลุยส์ ฟานกัล หลายคนอาจบอกว่า มันยังไม่ดีเท่าสมัยยุค เซอร์ อเล็กซ์ พีคๆ แต่อย่าลืมว่า เซอร์ อเล็กซ์ คุมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาเกิน20ปี แต่สำหรับมูรินโญ่ พึ่งเป็นแค่ฤดูกาลที่สองของเขาเท่านั้น
การลองระบบและให้โอกาสดาวรุ่ง เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ มูรินโญ่ นำนักเตะไปทัวร์สหรัฐอเมริกา เกือบ 30 คน และให้โอกาสทุกคนได้ลงสนาม มีบางนัดเล่นระบบ 4-3-3 บางนัดเล่น 3-5-2 เขาคงเลือกใช้ 2 ระบบนี้ เป็นหลักในฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะเริ่มขึ้น
พูดถึง 3-5-2 ก่อน ระบบนี้ของมูรินโญ่ แฟนปีศาจแดงหลายคนไม่ค่อยชอบ คาดว่า ระบบนี้อาจไม่ถูกนำมาใช้บ่อยนัก แค่น่าจะเป็นทางเลือกทางหนึ่ง หากทีมจำเป็นต้องใช้มัน ตามสถานการณ์ที่มูรินโญ่คิดว่าควรใช้ หากมองในแง่ดี นักเตะจะได้เข้าใจถึงแทคติกที่แท้จริงของระบบนี้ ที่มูรินโญ่ต้องการให้เป็น ดีกว่ามาซ้อมในระยะเวลาเพียงสั้นๆ ช่วงเปิดฤดูกาล หรือเริ่มฤดูกาลไปแล้ว
พูดถึง 4-3-3 บ้าง แฟนๆหลายคนถูกใจกับระบบนี้มาก หากเเฟนปีศาจแดงได้ดูเกมปรีซีซั่น ทั้ง 7 เกม ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงแข่งขัน แผนนี้ ถ้าพูดให้เห็นภาพ มันคือ 4-2-3-1 หรือ 4-3-3 ที่ให้ป็อกบา มีอิสระตรงกลางในตำแหน่ง 2 ตรงเกมรับ หรือ ตำแหน่ง 3 ตรงเกมรุกนั้นเอง บริเวณกลางสนาม ป็อกบาน่าจะเป็นตัวหลักแน่นอน เมื่อป็อกบามีอิสระ การสร้างเกมรุกจะน่ากลัวขึ้น อีกสองคนที่เหลือจะเป็นคนสนับสนุน และสแตนบายป็อกบา พูดง่ายๆคือ ช่วยทั้งเกมรุกและเกมรับ เมื่อป็อกบารุก อาจมีคนหนึ่งคอยสนับสนุนเขาส่วนอีกคนคอยปัดกวาดและสแตนบายเวลาเสียบอล หรืออาจเป็นแบบหลังทั้งสองคน ในกรณีที่ทีมต้องการเกมรับ
ตำแหน่ง 2 คนตรงนี้ เล่นได้ถึง 4 คน ในทีมชุดใหญ่ คือ อันเดร์ เอร์เรร่า เนมันย่า มาติช มารูยาน เฟลไลนี่ และ ไมเคิล คาร์ริค กัปตันทีม ซึ่งทุกคนมีข้อดีแตกต่างกันไป เอร์เรร่า ได้ลูกขยัน ทุ่มเท วิ่งแบบไม่มีหมด มาติช ได้การยืนตำแหน่งที่ดี ทำสมดุลให้แดนกลาง รวมทั้งได้ความใหญ่ และหวังผลจากลูกยิงไกล ส่วนคาร์ริค ประสบการณ์ของเขาเป็นเครื่องการันตีมามากกว่า 10 ปีที่อยู่กับทีม อีกคนเฟลไลนี่ ก็ได้เรื่องลูกกลางอากาศ ทั้งรุกและรับ ความแข็งแกร่ง และลูกโยนเข้าไปลุ้นในเขตโทษ ในช่วงสถานการณ์คับขัน หากทีมต้องการ และยังมีดาวรุ่งอย่างเปเรร่า และ แม็คทอมมิเนย์ ที่พร้อมสอดแทรกขึ้่นมา ทำให้แดงกลางแมนยูปีนี้ น่าจะมีมิติการเล่น ความสมดุล และน่าติดตามยิ่งขึ้น กว่าปีที่แล้วอย่างแน่นอน ส่วนกองหน้า ตัวรุกด้านข้าง กองหลังและผู้รักษาประตู ทุกคนมีจุดเด่นแตกต่างกันไป แฟนปีศาจแดงคงมีนักเตะที่ชอบอยู่ในใจแล้ว แต่ละคนเหมาะกับเวลาที่แตกต่างกัน เหมือนที่มูรินโญ่เคยให้สัมภาษณ์ว่า ทุกคนอยู่ในแผนการทำทีม และเขาจะเลือกผู้เล่นตามความเหมาะสม เป็นนัดๆไป
ทุกถ้วย ทุกรายการ ทุกความสำเร็จ แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและสโมสรล้วนอยากสัมผัสมัน การป้องกันแชมป์ อีเอฟเอล คัพเดิม หรือ คาราบาว คัพในชื่อใหม่ การกลับมาเป็นทีมที่คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพมากที่สุด เทียบเท่ากับอาร์เซน่่อล ยูฟ่า เเชมเปี้ยนส์ลีก ถ้วยแห่งยุโรป ที่ทีมไม่ได้สัมผัสมาตั้งแต่ปี 2008 หลังจากดวลจุดโทษชนะเชลซี และการห่างหายจากแชมป์พรีเมียร์ลีก ตั้งแต่ฤดูกาล 2012/2013 คงปฏิเสธไม่ได้ว่า พลพรรคปีศาจแดงอยากให้ทีมกลับมาครองความยิ่งใหญ่ในบอลลีกมากที่สุด ซึ่งสโมสรและผู้จัดการทีมรู้ถึงความต้องการนี้ดี แต่ต้องอย่าลืมว่า พรีเมียร์ลีก ไม่ได้มีจำนวนทีมลุ้นแชมป์เหมือนแต่ก่อนแล้ว ทุกทีมชั้นนำพร้อมก้าวขึ้นมาครองความยิ่งใหญ่ได้เสมอ เพราะฉะนั้นความสม่ำเสมอและผลงานตลอดทั้งฤดูกาล จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าปีนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การนำของโจเซ่ มูรินโญ่ จะยิ่งใหญ่แค่ไหนและได้สัมผัสถ้วยแชมป์ใดบ้างเมื่อจบฤดูกาล
#Dropballs
Leave a Reply