เบื้องหลังปฏิบัติการปลดมูรินโญ่

เช้าวันจันทร์ที่ 18 ธันวาคม (ตามเวลาที่ประเทศอังกฤษ) เขาเตรียมเดินทางไปคุมทีมซ้อมที่แคร์ริงตันเหมือนเช่นเคย แต่สุดท้ายลงเอยที่การมานั่งอยู่คนเดียวที่โรงแรมลอว์รี่ตอนบ่ายสองโมง

ภายใต้แจ็คเก็ตสีดำ ชายวัย 55 ปี จิบชาแล้วมองไปที่หน้าต่าง ด้านหลังของเขาคือเปียโนหลังใหญ่ แต่ไม่มีอเล็กซิส ซานเชซ มาขับกล่อมเหมือนวันก่อน เขารอเพียงพนักงานโรงแรมที่จะเรียกเขา เพื่อจะเช็คเอาท์ จาก “ที่พัก” ซึ่งเขาอาศัยอยู่นานถึงสองปีครึ่ง

ก่อนจะถึงเวลานั้น ริคาร์โด้ ฟอร์โมซินโญ่ แมวมองคู่ใจ เดินตามเขามาที่โต๊ะ ไม่มีคำพูดใดๆเกิดขึ้นระหว่างนั้น เพราะ โจเซ่ มูรินโญ่ กำลังวุ่นอยู่กับการตอบข้อความที่ปลอบใจเขา หลังโดนปลดจากตำแหน่ง

หลังเสร็จสิ้นอาหารว่างมื้อสุดท้ายที่โรงแรมลอว์รี่ การจากลาครั้งสุดท้ายก็เกิดขึ้น พนักงานโรงแรมลอว์รี่ พร้อมใจกันเดินไปด้านหน้าโรงแรมเพื่อร่ำลาเขาเป็นครั้งสุดท้าย ความผูกพันเล็กๆเกิดขึ้นในตึกหลังนั้นกว่า 2 ปีครึ่ง มูรินโญ่ เป็นยิ่งกว่าแขกประจำ แต่กลายเป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว

ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น 5 ชั่วโมง เป็นช่วงที่ มูรินโญ่ รู้ชะตาของตัวเอง บรรยากาศที่แคร์ริงตันไม่เหมือนทุกวัน เอ็ด วู้ดเวิร์ด ลงทุนเดินทางมาหานักเตะด้วยตัวเอง และแจ้งสาร “ปฏิวัติ” ก่อน 9 โมงเช้าไม่นาน

หลังจากได้ยินข่าว แทบไม่มีน้ำตาจากนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีเพียง 4 คน ที่ใจหายกับข่าวนี้ นั่นคือเนมานย่า มาติช , โรเมลู ลูกากู , แอชลี่ย์ ยัง และมารูยาน เฟลไลนี่ ส่วนที่เหลือหรือ? ลืมไปเถอะ

อย่างน้อยที่สุด เดวิด มอยส์ และ หลุยส์ ฟาน กัล ก็ยังได้บอกลานักเตะก่อนจากไป แต่สำหรับมูรินโญ่ ไม่มี! มีแค่นักเตะไม่กี่คนที่เดินไปอำลาเขาที่ห้องทำงานส่วนตัว เท่านั้นจริงๆ

อดีตกุนซือ “ปีศาจแดง” ไม่เป็นที่ชื่นชอบเท่าใดนักในแคร์ริงตัน นักเตะหลายคนตั้งฉายาให้กับเขา ตัวแทนนักเตะคนหนึ่งบอกว่า ทั้งทีมมักจะเรียกเขาว่า “ไอ้โง่”

สัญญาณร้ายของ มูรินโญ่ เกิดขึ้นที่สนามแอนฟิลด์ หลังฟอร์มสุดหดหู่ที่ทีมแพ้ให้กับ ลิเวอร์พูล 1-3 … เอ็ด วู้ดเวิร์ด , เดวิด กิลล์ และ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ไปรวมตัวกันที่ห้องรับรองสำหรับผู้บริหารในแอนฟิลด์ พวกเขาคุยกันแค่ 3 คน และปรึกษากันถึงการไล่ มูรินโญ่ ออกจากตำแหน่ง

ย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นเมื่อปี 2016 มูรินโญ่ และ ยูไนเต็ด เป็นการจับคู่ที่เหมาะสมกัน มูรินโญ่ มีบุคลิกแห่งผู้ชนะ เขาเป็นกุนซือชื่อดัง ที่ต้องคุมสโมสรชื่อดังเท่านั้น และเขาใช้เวลาไม่นานเพียง 18 เดือน กับการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกร่วมกับ เชลซี

อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป เขากลายเป็นคนที่ไม่เหมาะสมสำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับบุคลิกเอาแต่ใจของเขา ถ้าเขาต้องการอะไร เขาจะต้องทำในรูปแบบของเขาเท่านั้น น้อยครั้งที่เขาจะฟังความเห็นจากคนอื่น

มีเหตุการณ์ไม่เหมาะสมหลายอย่างที่มูรินโญ่ เคยทำเอาไว้ ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่ ยูไนเต็ด จัดงานครบรอบ 60 ปี รำลึกถึงเหตุการณ์เครื่องบินตกที่มิวนิค ขณะที่ผู้บริหารรายอื่น ใส่เสื้อเชิ้ตและเนคไทตามกาลเทศะ แต่มูรินโญ่ กลับสวมเสื้อฮู้ดกันหนาว (เสื้อกันหนาวที่มีส่วนคลุมศีรษะ) ด้านในสูท และเดินทางมาร่วมงาน ซึ่งต่างจากคนอื่น และอีกหนึ่งเหตุการณ์ ที่เขาพา โจเซ่ มูรินโญ่ จูเนียร์ ลูกชายของเขา มานั่งที่ซุ้มม้านั่งสำรองในเกมกับ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ กระทั่งสต๊าฟโค้ชอาวุโสของสโมสรถึงกับโพล่งออกมาว่า “เขาเอาเด็กคนนี้มาทำไม!”

ปีแรกของมูรินโญ่ผ่านไปด้วยดี เขาพาทีมคว้าแชมป์สองรายการ รวมถึงแชมป์ยูโรป้า ลีกสมัยแรกของสโมสร

ในช่วงฤดูร้อนปี 2017 ความขัดแย้งครั้งแรกระหว่าง มูรินโญ่ และ วู้ดเวิร์ด ก็เกิดขึ้น เมื่อเขาไม่ได้รับอนุมัติเงิน 45 ล้านปอนด์ เพื่อซื้อตัว อิวาน เปริซิช อย่างไรก็ตาม ฤดูกาลที่สองของเขาก็ไม่ได้ย่ำแย่ เขาพาทีมจบในอันดับที่ 2 เป็นรองเพียง แมนฯซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

แต่ความขัดแย้งที่แท้จริงของมูรินโญ่กับบอร์ดบริหารเริ่มต้นในกลางปีที่ผ่านมา

ฟางเส้นแรกเริ่มขึ้นเมื่อ มูรินโญ่ เดินออกจากเวมบลีย์อย่างไม่สบอารมณ์หลังเกมแพ้เชลซี 0-1 ในศึกเอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ เขาเดินผ่านบอร์ดบริหารรายหนึ่งที่ถามเขาว่า รู้สึกอย่างไรที่ทีมแพ้ เขาตอบสั้นๆว่า “อนาถชิบ โคตรห่วยแตกสิ้นดี”

และกระแสต่อต้านเขาแรงขึ้นในช่วงปรีซีซั่นที่สหรัฐอเมริกา เขาจับมือกับนักข่าวทุกคนก่อนการแถลงข่าวที่ เจดี มอร์แกน เซนเตอร์ ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี แต่ ยูไนเต็ด มีผลงานการปรีซีซั่นที่ย่ำแย่ กระทั่งแฟนบอลในไมอามี่ตะโกนใส่เขาในโรงแรมที่พักว่า “ห่วยแตก ห่วยแตก!” ตลอดทั้งคืน

เอ็ด วู้ดเวิร์ด รู้สึกตั้งแต่ช่วงเวลานั้น ว่า มูรินโญ่ ไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของทุกคนเหมือนเดิมเสียแล้ว และมอง มูรินโญ่ เป็นมลพิษ แทนที่จะเป็นสิ่งของมีค่า ขณะเดียวกัน มูรินโญ่เอง ก็เคยมีความสัมพันธ์อันดีกับ วู้ดเวิร์ด แต่ถ้ามองลึกลงไป เขาเองก็ไม่เชื่อมือ ซีอีโอคนนี้่ ในการดีลนักเตะในตลาดซื้อขาย

ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา มูรินโญ่ หัวเสียอย่างยิ่งที่ วู้ดเวิร์ด ไม่ได้เซ็นสัญญาเซนเตอร์แบ็กที่ต้องการ เขาเดินเข้าไปคุยอย่างเปิดอก แต่วู้ดเวิร์ด ตอบกลับมาว่า สองปีที่ผ่านมา สโมสรก็ให้เงินซื้อกองหลังคุณไปแล้วกว่า 60 ล้านปอนด์

สงครามกลางเมืองจึงเกิดขึ้นนับตั้งแต่ตอนนั้น ทั้งคู่ไม่ญาติดีกันอีกต่อไป เริ่มจากวู้ดเวิร์ด ที่เห็นว่าควรต่อสัญญาอ็องโตนี่ มาร์กซิยาล แต่มูรินโญ่ ไม่เห็นด้วย และมองว่า ไม่ควรเก็บศูนย์หน้าจอมเทคนิครายนี้ไว้ และย้ำกับวู้ดเวิร์ดอีกครั้งว่า ตอนนี้ปัญหาเดียวที่เขาต้องการคือเซนเตอร์แบ็กตัวใหม่ หากไม่ต้องการเจอกับฤดูกาลแห่งหายนะ แต่วู้ดเวิร์ดตอบมาสั้นๆว่า “ก็ตอนนี้ไม่มีใครที่เหมาะสม แล้วราคาสมเหตุสมผลเลยนี่”

แหล่งข่าวอาวุโสระบุว่า เป็นวู้ดเวิร์ด เอง ที่เป็นคนคัดค้านการซื้อตัว เจอโรม บัวเต็ง และ โทบี้ อัลเดอไวเรลด์

ฤดูกาล 2018-2019 เริ่มขึ้น มูรินโญ่ พยายามประชด วู้ดเวิร์ด ที่ไม่ช่วยแก้ปัญหาเรื่องเซนเตอร์แบ็ก ด้วยการส่ง อันเดร์ เอร์เรร่า ไปเล่นตรงนั้นเสียเลย ในเกมกับท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์

นั่นคือศึกเบื้องบนที่ มูรินโญ่ เพิ่งก่อ ขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขากับ ปอล ป็อกบา ก็เริ่มสั่นคลอน เมื่อมูรินโญ่เปิดฉากตำหนิ มิโน่ ไรโอล่า ที่พยายามทุกวิถีทางเพื่อหาทีมใหม่ให้ ป็อกบา เขาพยายามบอกเพื่อนของเขาว่า ให้วู้ดเวิร์ดช่วยปราบ ไรโอล่าให้หน่อย และอย่าดีลสัญญาอะไรกับเอเยนต์รายนี้อีก

แต่แน่นอนว่า เวลานั้น วู้ดเวิร์ด ชังมูรินโญ่เข้าไส้ และทำให้เขากล้าทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม นั่นคือไปสนิทสนมและเจรจาใกล้ชิดกับ ไรโอล่า เสียเลย!

ปลายเดือนกันยายน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกไปแพ้ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่ลอนดอน สเตเดี้ยมอย่างหมดสภาพ 1-3 บรรยากาศในห้องแต่งตัวหดหู่ที่สุดในรอบหลายปี นักเตะรายหนึ่งบอกกับเพื่อนว่า “ทุกคนปัดความรับผิดชอบ ไม่มีใครรับผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น”

ทุกอย่างเริ่มบานปลาย มีนักเตะรายหนึ่งส่งจดหมายไปหา วู้ดเวิร์ด เพื่อระบายความคับแค้นใจกับการทำงานร่วมกับ มูรินโญ่ อันที่จริง วู้ดเวิร์ดจะปลด มูรินโญ่ตั้งแต่เดือนตุลาคมแล้ว แต่ก็ยังไม่ทำ

ในช่วงเวลาใกล้กัน มีสปอนเซอร์รายหนึ่งขอให้ มูรินโญ่ มาเป็นพรีเซนเตอร์ให้ในฐานะผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสร ปฏิเสธ

ต่อมา เมื่อเดือนพฤศจิกายน มูรินโญ่ ออกโรงตำหนินักเตะในทีมอย่าง เจสซี่ ลินการ์ด , มาร์คัส แรชฟอร์ด , อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล และ ลุค ชอว์ ออกสื่อว่า เป็นพวกขาดบุคลิกแห่งผู้ชนะ วู้ดเวิร์ดตกใจมาก เขาไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่ มูรินโญ่ ระบุชื่อนักเตะเป็นรายคนออกไป

การเปิดศึกกับนักเตะอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับฟอร์มการเล่นที่น่าเบื่อ คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้เขาโดนปลด อีกจุดหนึ่งที่สำคัญคือ เขาใช้เงินราว 400 ล้านปอนด์ดึงนักเตะ 11 คนเข้ามาสู่ทีม ซึ่งสโมสรพิจารณาว่า นั่้นก็มากเพียงพอแล้ว

มีเรื่องราวเบื้องลึกระบุอีกว่า เพื่อนสนิทของมูรินโญ่รายหนึ่ง พยายามเตือนเขาแล้วว่า อย่ามาทำงานที่แมนฯยูไนเต็ด เพราะโครงสร้างบางอย่างของสโมสร ยังไม่เหมาะกับเขา ซึ่งใช่ มูรินโญ่ ไม่ชอบโครงสร้างแมวมองของ ยูไนเต็ด ทีมจ้างมา 58 คน แต่ทำไมถึงไม่มีใครทำรายงานของ แม็กไกวร์ ที่ฮัลล์ ซิตี้มาเลยแม้แต่คนเดียว

รอยร้าวระหว่าง มูรินโญ่ กับเจ้าหน้าที่สโมสร ยังรวมไปถึงเจ้าหน้าที่ในทีมแพทย์บางคน ซึ่งไม่พอใจที่ มูรินโญ่ ต้องการติดต่อพวกเขาผ่านทางอีเมล์เท่านั้น ทีมแพทย์อาวุโสของ ยูไนเต็ด ไม่ได้พูดคุยต่อหน้ากับ มูรินโญ่ มาเกือบ 2 ปีแล้ว

และที่สำคัญที่สุด ความขัดแย้งระหว่างศิษย์เก่าสโมสร กับตัวเขาเอง เขารู้สึกมานานแล้วว่า ทั้งอดีตผู้จัดการทีม และตำนานนักเตะ ไม่มีใครปกป้องเขาออกสื่อ มีแต่ตัวเขาเองที่ถูกรุมประนามทุกช่องทางอยู่ฝ่ายเดียว

เพราะย้อนกลับไป ตำนานนักเตะยุคคลาส ออฟ 92′ บางคน ก็ไม่กินเส้นกับ มูรินโญ่ ตั้งแต่ตอนที่เขามาเป็นผู้จัดการทีมแล้ว พวกเขาต้องการให้ ไรอัน กิ๊กส์ ได้ทำงานต่อ แต่มูรินโญ่ ไม่เก็บ กิ๊กส์ ไว้ เหตุผลคือเขาไม่ชอบที่กิ๊กส์ มีความสัมพันธ์ฉาวกับน้องชายตัวเอง ตามที่เป็นข่าวเมื่อหลายปีก่อน

และฟางเส้นสุดท้าย ที่ทำให้บอร์ดบริหารไม่ทนอีกต่อไป คือคำสัมภาษณ์ของเขา ที่โทษแต่สิ่งอื่นรอบตัว แต่ไม่เคยโทษตัวเอง ซึ่งนั่นทำให้อีกหนึ่งการปฏิวัติครั้งใหญ่ที่สุดของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกิดขึ้นในที่สุด

มูรินโญ่ ก้าวเท้าสู่รถส่วนตัวของเขา ด้านข้างเป็นพนักงานโรงแรมลอว์รี่ ที่โบกมืออำลาเขาด้วยความคิดถึงแต่นั่นคงไม่ใช่ความรู้สึกเดียวกับบอร์ดบริหารและแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กำลังเข้าสู่วันใหม่ ในยุคใหม่ ที่ไม่มีชายหนุ่มผู้น่าเบื่อที่ชื่อ โจเซ่ มูรินโญ่ อยู่ในอาณาบริเวณของสโมสรอีกต่อไป

บทความจาก เพจ ดูบอลกับแนท โดย แนท ดูบอลกับแนท

Dropballs

Be the first to comment

Leave a Reply

Your email address will not be published.


*


This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.