“ผีแดง” แพ้ “เรือใบ” ตรงไหน !??
ท่ามกลางบทวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนานา หลังเกมส์ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด … จริงอยู่ครับ ผู้แพ้พูดอะไรก็เสียเปรียบ และผู้ชนะ พูดอะไรมักจะถูกต้องอยู่เสมอ
สีหน้าของ โจเซ่ มูรินโญ่ บ่งบอกตั้งแต่ช่วงก่อนจบเกมไม่กี่นาที … เขาปลงตก และหัวเราะประชดชีวิตกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
สิ้นเสียงนกหวีดยาวไม่นาน ไมโครโฟนในเพรสคอนเฟอเรนซ์เปิดขึ้น มูรินโญ่รีบใส่ไม่ยั้งถึงเหตุการณ์สำคัญช่วงกลางครึ่งหลัง
“ผมสงสารไมเคิ่ล โอลิเวอร์ เขาทำหน้าที่ได้ดีที่สุดตลอดทั้งเกม แต่ดันมาพลาดจังหวะที่สำคัญที่สุด”
นิโคลัส โอตาเมนดี้ ไปเกี่ยวขา อันเดร์ เอร์เรร่า ในกรอบเขตโทษ แต่ตุลาการกลางสนาม กลับแจกใบเหลืองให้กับ อดีตดาวเตะแอธเลติก บิลเบา
“การตัดสินใจของ โอลิเวอร์ ในวินาทีนั้นสำคัญมาก เพราะถ้านั่นคือจุดโทษ และสกอร์เป็น 2-2 รูปเกมจะไปในอีกทิศทางหนึ่ง”
โชคเข้าข้าง , ผู้ตัดสินผิดพลาด … สารพัดเหตุผลที่มูรินโญ่จะพูดถึงความพ่ายแพ้คาบ้านของทีมตัวเอง ซึ่งทำให้ช่องว่างของคะแนนห่างถึง 11 แต้ม
และหลายฝ่ายพิพากษาไปแล้วว่า พรีเมียร์ลีกซีซั่น 2017/2018 ได้บทสรุปลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ผู้สันทัดกรณีหลายฝ่ายก็เห็นในลักษณะเดียวกัน แต่ไม่ใช่ขงเบ้งลูกหนังที่เอติฮัด สเตเดี้ยมอย่างโจเซป กวาร์ดิโอล่า
“ไม่นะ ชัยชนะเกมนี้มันแค่ทำให้เราเล่นด้วยความมั่นใจมากขึ้นในช่วงเกมบ็อกซิ่งเดย์ แต่มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอกที่ทีมไหนจะคว้าแชมป์ได้ตั้งแต่เดือนธันวาคม”
“ผมแค่เล่นเกมของผม ทุกทีมมีแนวทางของตัวเอง … เชลซีเล่นแบบหนึ่ง … ยูไนเต็ดเล่นอีกแบบหนึ่ง”
“ผมแค่พอใจที่ลูกทีมผมเล่นในแนวทางของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ … แล้วทีมก็เอาชนะได้ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ และ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แบบมีสไตล์”
กับเปอร์เซนต์การครองบอลที่เหนือกว่ามาก … หลายฝ่ายก็คาดการณ์ไว้ตั้งแต่ต้นเกมแล้วว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น
ซิตี้มีผู้เล่นที่ไปกับบอลและเคลื่อนที่ได้ดีอยู่แล้วเป็นทุนเดิม สามประสาน แฟร์นานดินโญ่ , ดาบิด ซิลบา และ เควิน เดอ บรอยน์ คือสูตรที่ลงตัวของกุนซือชาวสเปน ไม่ว่าจะเป็นการสกรีนบอลของ “แฟร์นานฯ” และการสร้างสรรค์เกมรุกของคู่หู “บรอยน์-บา”
ลำพัง “ปีศาจแดง” แม้จะมี ปอล ป็อกบา ก็ยังวางหมากยากที่จะสู้ นี่ยิ่งไม่มี อดีตดาวเตะยูเวนตุสที่ติดโทษแบน แน่นอน มูรินโญ่คงอ่านอยู่แล้วว่าสู้ยาก
อลัน เชียเรอร์ ตำนาน นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ที่ชีวิตเขาเป็นเส้นขนานกับ แมนฯยูไนเต็ดเป็นทุนเดิม หล่นวิวาทะไว้ชนิดที่แฟนผีคงเจ็บใจน่าดู
“มูรินโญ่คงกลัวว่าซิตี้ของเป๊ปจะมาถล่มใส่ ถ้ายูไนเต็ดเปิดเกมสู้ เขารู้ว่าต้องโดนแน่ เลยจำเป็นต้องเล่นเกมรับ แต่บุกแลก พวกเขาอาจโดนยิงมากกว่าสองลูก”
คำถามสำคัญที่มีคำว่า “ถ้า” นำหน้า … คือถ้ายูไนเต็ด เลือกเปิดเกมรุกแลกกับ ซิตี้จริงๆ พวกเขาจะสู้ได้จริงหรือ?
มองไปที่แดนบน อาจสูสีครับ เพราะ อ็องโตนี่ มาร์ซิยาล และ มาร์คัส แรชฟอร์ด พอจะช่วยตัวเองเก็บบอลได้ด้านบน แต่แผงแดนกลางต่างหาก เพราะ เอร์เรร่า และ เนมานย่า มาติช ก็เป็นนักเตะเชิงรับทั้งคู่
การสร้างสรรค์เกม สู้เดอ บรอยน์ กับ ซิลบา ไม่ได้อย่างแน่นอน
หากจะโยนบอมบ์ไปลุ้นกันด้านบน ก็อย่างที่เห็นกันว่า โรเมลู ลูกากู อยู่ในช่วงฟอร์มตก เขาเก็บบอลในแดนหน้าไม่ได้ และก็ไม่สามารถช่วยทีมได้เป็นชิ้นเป็นอัน
ตัดช็อต เตะทิ้งแป้ก ที่นำมาซึ่งประตูชัยของซิตี้ ทิ้งไปครับ เข้าใจว่า ใครก็พลาดกันได้ แต่หากวิเคราะห์เฉพาะหน้าที่ของเขาในเกมรุกเป็นหลัก ก็ยังน่าผิดหวังอยู่ดี
ยูไนเต็ด อาจบุกสู้ได้จริง อย่างที่เห็นในช่วงต้นครึ่งหลังตอนที่สกอร์เสมอกันที่ 1-1 พวกเขาสู้ได้จริงครับ แต่สู้ในรูปแบบที่เหมือนกับมวยรองขอเปิดแลกหมัดกับมวยที่เป็นต่อบ้าง
แต่ท้ายที่สุดแล้ว คำพูดของ “ฮ็อตช็อต” เชียเรอร์ก็กินขาดอยู่ดี เพราะถ้ามองที่ความเฉียบขาดแล้ว … ซิตี้ของกวาร์ดิโอล่า ยังเหนือกว่าหลายช่วงตัว
นี่ยังไม่พูดถึงความเจ็บแสบที่สื่อต่างประเทศวิเคราะห์ก่อนเกมว่า “ปีศาจแดง” อุตส่าห์ซุ่มซ้อมวิธีการทำเกมรุกเซตพีซมาเล่นงาน ซิตี้ แต่กลับกลายเป็นว่าสุดท้ายแล้ว ลูกทีมของ มูรินโญ่ กลับมาโดนลูกตั้งเตะเล่นงานเสียเองทั้งสองประตู
บางที ซ้อมแต่เกมรุก แต่เกมรับ ก็มีจุดอ่อนให้เห็นเหมือนกันครับ
เช่น การใช้ผู้เล่นตัวรุกอย่างลูกากูไปช่วยเกมรับ แต่ยังขาดความแน่นอนในการเบียดปะทะ (เสียประตู 0-1) และ ความมั่นใจในการหวดสกัดบอล (เสียประตู 1-2)
ความผิดพลาดของ “ปีศาจแดง” มีให้พูดถึงแบบนึกออกง่ายมากครับ … ไม่ว่าจะเป็นการขาดความเฉียบขาดในการจ่ายบอลในพื้นที่สุดท้าย และความแน่นอนที่ไม่เพียงพอในการจบสกอร์
ทุกทีมมีจุดแข็งและจุดอ่อนครับ … ทั้งเชลซี , ลิเวอร์พูล , สเปอร์ส , อาร์เซน่อล และ แมนฯยูไนเต็ด
แต่ต้องมองอย่างเป็นกลางว่า ณ เวลานี้ ซิตี้ เป็นทีมที่มีจุดอ่อนน้อยที่สุด และจุดแข็งของพวกเขา ก็แข็งแกร่งที่สุดอย่างเห็นได้ชัด
พวกเขาเล่นเกมรุกกันอย่างสนุก , เล่นอย่างเป็นตัวเอง และเล่นด้วยความมั่นใจ
“ผมเกิดมาเพื่อเล่นเกมรุก ผมนึกไม่ออกเลยว่าถ้าผมทำทีมแล้วเล่นเน้นเกมรับผลจะเป็นอย่างไร ทีมของผม ต้องบุกเท่านั้น”
ครับ… ฟุตบอลเกมรับ ถ้ารับแน่นจริงคุณอาจจะไม่แพ้ แต่สุดท้ายถ้าคุณจะ “ชนะ” คุณต้องทำเกมรุก
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กำลังจะพิสูจน์ให้อีก 19 ทีมเห็น … เพียงแต่ว่าไม่ใช่เวลานี้ที่เขาจะยืดได้เต็มภาคภูมิ และยังไม่ใช่เวลาที่จะบอกได้อย่างเต็มปากว่า ซิตี้ คือแชมป์พรีเมียร์ลีก
เพียงแต่ ณ เวลานี้ สปอตไลท์ของเกมฟุตบอล ส่องประกายมาอย่างงดงามที่สุดที่เอติฮัด สเตเดี้ยม อย่างปฏิเสธไม่ได้ครับ
Dropballs
Leave a Reply